ตำรวจภูธรภาค 8 เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายนอมินีพื้นที่ภาค 8 ตรวจค้น 29 เป้าหมาย โดยในพื้นที่เกาะสมุย มีการนำหมายค้นเข้าตรวจค้น 7 เป้าหมาย
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 68 ตำรวจภูธรภาค 8 ได้ดำเนินการตรวจสอบและปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัดในเขตตำรวจภูธรภาค 8 รวม 29 เป้าหมาย
ที่ สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก. ภ.จว. สุราษฎร์ธานี รอง ผอ. ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก. ภ.จว.สุราษฎร์ธานี สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรสืบสวน ภาค 8 ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเกาะสมุย จำนวน 7 เป้าหมาย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 67 เทศบาลนครเกาะสมุย ได้มอบอำนาจให้วิศวกรโยธาชำนาญงาน มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ให้ดำเนินคดีกับบริษัทที่บุกรุกที่ดินบนเขาเฉวงน้อย ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ก่อสร้างอาคารในโครงการ “ซีบรีช” ในความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเปิดบริษัทโดยใช้คนไทยถือหุ้นแทน (คดีนอมินี) โดยตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มอบหมายให้ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินคดี
จากการสอบสวนพยานหลักฐานพบว่า โครงการ “ซีบรีช” เป็นโครงการก่อสร้างวิลล่าหรูเพื่อจำหน่ายให้กับชาวต่างชาติ ซึ่งมีชาวต่างชาติสัญชาติเยอรมัน เป็นเจ้าของโครงการ และมีสำนักงานกฎหมายเป็นผู้ช่วยเหลือ ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า สำนักงานกฎหมายมีส่วนเกี่ยวข้องในการรับจดจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลให้กับชาวต่างชาติมากกว่า 160 บริษัท เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับวิลล่าหรือที่พักอาศัยให้เช่า ร้านอาหาร และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุย
โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 7 เป้าหมาย เป้าหมายที่ 1 เป็นสำนักงานกฎหมาย และเป้าหมายที่ 2 ถึงเป้าหมายที่ 7 เป็นเป้าหมายของบริษัทที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ และที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติที่มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่เดียวกับสำนักงานกฎหมายดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าสำนักงานกฎหมายดังกล่าวได้มีการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคล จำนวน 167 บริษัท และทั้งหมดมีที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ที่สำนักงานกฎหมาย เป้าหมายตรวจค้นทุกจุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเอกสารเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล เอกสารทางบัญชี หลักฐานการลงทุนในบริษัท หลักฐานทางนิติกรรมสัญญา หลักฐานการยื่นภาษี หลักฐานการจ้างแรงงานในสำนักงานซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้มีชื่อถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ และข้อมูลฮาร์ดดิสก์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อไปทำการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ ตำรวจภูธรภาค 8 ได้รายงานผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 23 ราย โดยคดีสำคัญ คือ การจับกุมบุคคลสัญชาติจีน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีพฤติการณ์อำพรางการดำเนินธุรกิจโดยให้บุคคลอื่นถือครองแทน (นอมินี) ในลักษณะธุรกิจต่าง ๆ ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, โรงเรียนนานาชาติ, โรงแรม, ธุรกิจให้เช่ารถยนต์, คอนโดมิเนียม และโครงการบ้านจัดสรร (วิลล่าหรู) รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้มีการตรวจยึดเงินสดจำนวน 4,108,000 บาท เพื่อนำไปตรวจสอบ และดำเนินการตรวจค้นสำนักงานบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนและจัดทำเอกสารอำพรางธุรกิจของบุคคลต่างด้าว