‘อาโป’ เปิดใจบทบาท ‘ตี๋ใหญ่’ เผยเป้าหมายในวัย 31 ขวบ ขอบคุณแฟนๆ ทั่วโลกที่ซัพพอร์ต
เดินทางมาถึงอายุ 31 ปีแล้ว สำหรับนักแสดงหนุ่มสุดฮอต อาโป ณัฐวิญญ์ ซึ่งเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิดของเจ้าตัว ก็มีเพื่อนในวงการและแฟนๆ มาร่วมอวยพรให้เจ้าตัวกันอย่างล้นหลาม
ล่าสุด อาโป มาร่วมงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด “vivo V50 Launch Eventไ ณ. TRUE ICON HALL ชั้น 7 ICON SIAM ก็ได้เผยถึงโมเมนต์ในวันเกิด และยังเผยถึงเป้าหมายในวัย 31 ขวบ พร้อมอัพเดตผลงานภาพยนตร์เรื่อง “ตี๋ใหญ่ ฤกษ์ดาวโจร” ของทาง Netflix และซีรีส์วายฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘ชาย’ (Shine) ว่า
ไปปารีสมาเป็นไงบ้าง?
“หนาวมากจริงๆ เพราะว่าก็ไปโชว์ โชคดีที่โชว์ครั้งนี้มันใส่ชุดเหมาะกับฤดูพอดี เป็นชุดแบบหนาๆ หน่อย แล้วใส่ชุดคลุมสีดำๆ แล้วก็ถือกระเป๋า ก็รู้สึกว่าเป็นเมืองที่งดงามมากเลย แล้วก็รู้สึกประทับใจที่เราได้ดูโชว์ครั้งสุดท้ายของ คิม โจนส์ แล้วได้มีส่วนร่วมอยู่ในนั้นด้วย และก็เป็นหนึ่งในโชว์ที่ดีที่สุด รู้สึกว่าคิม โจนส์ เจ๋ง เขาจีเนียสจริงๆ ด้วย
แล้วก็มีโอกาสได้ไปถ่ายซีรีส์เรื่อง ชาย (Shine) คือเราก็จัดทีมกันไป เราก็เซ็ตระบบก่อนที่จะถ่าย คือมันมีตัวละครนึงที่เขาเรียนป.ตรี โท เอก ที่นั่น หมายความว่าเขาก็จะกลับไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง ก็เลยได้มีโอกาสได้ไปถ่ายที่นั่น ซึ่งเรายังไม่บอกว่าตัวละครนั้นคือตัวละครไหน คือทุกอย่างมันสวยงามมาก ต้องรอติดตาม และบรรยากาศฟ้าฝนมันลงตัว แล้วทีมบี ออน คลาวด์ ทุกคนก็เก่งมาก ซัพพอร์ต”
เก่งจนมาย ภาคภูมิต้องไปยกขาตั้งไฟ?
“ใช่วันนั้นพี่มายเขาไม่ได้ถ่าย คือมันมีนักแสดงของคนฝรั่งเศส เขาเป็นนักแสดงเลยนะ เพราะว่าถูกแคสมาแล้วก็มาร่วมเล่นในนั้น เสร็จปุ๊บวันนั้นอาโปต้องเข้ากับพวกเขา พี่มายก็เลยว่างไง ก็เลยไปช่วยยก ถือไฟให้ด้วยนะ”
การทำงานเป็นไงบ้าง?
“การทำงานตอนแรก เราก็มีการคุยเรื่องตัวละครก่อน ว่ามุมมองตัวละครเป็นยังไงบ้างเสร็จปั๊บพอไปถึงที่นั่น เดี๋ยวเรื่องราวมันจะเกิดประมาณนั้น ประมาณนี้ แล้วตากล้องเขาก็น่ารักมาก เขามาวันแรก วันนั้นเรายังไปดูโชว์อยู่เขาก็เดินไป ไปสังเกตการณ์ดูว่าตรงไหนบ้างที่มันสวย งดงาม ซึ่งมันไม่เหมือนเซ็ตขึ้นมาในสถานที่จริง เพราะมันมีฟ้า ฝน ลม แดดอากาศที่สวย แล้วเป็นการทำงานของทีมที่น่ารักมาก เพราะอากาศมันยากจริงๆ คือถ่ายในที่ร้อนๆ มันสามารถทนได้ แต่พอถ่ายที่หนาวมันทนยาก เพราะทุกๆ ครั้งที่พูด พอมันหนาวแล้ว ปากมันแข็ง”
การได้ทำงานที่ใหม่ๆ มันเปิดประสบการณ์ให้เรายังไงบ้าง?
“จริงๆ แล้วภาษามันก็เป็นเรื่องสำคัญนะ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าภาษามันคือจิตใจภายในความรู้สึกที่เราส่งผ่านกันมา เพราะตอนนั้นก็เล่นกับนักแสดงฝรั่งเศส คือโปไม่ได้ถนัดฝรั่งเศสมากขนาดนั้นหรอก แต่ทุกครั้งที่เวลาเราคุยกัน เราดูสีหน้า แววตาท่าทางของเขา ความรู้สึกที่เขาส่งมา ซึ่งอันนี้มันเจ๋งมากๆ แล้วมันก็เป็นการยืนยันว่าความเชื่อในการสื่อสารกันทั้งโลก มันคือความจริงใจกับสิ่งที่ทำ สิ่งที่อยากสื่อสารจริงๆ เพราะมันเคยมีคนต่างชาติบอกเหมือนกัน แบบได้นั่งคุยกัน เขาบอกว่าภาษามันมีหลากหลาย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณจะรู้แน่นอนคือความรู้สึก ถ้าเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็จะสัมผัสได้”
ตอนนี้เดินทางมากี่เปอร์เซ็นต์แล้ว?
“20 จาก 100 เพราะว่าเดี๋ยวจะเริ่มเปิดกล้องแบบจริงจัง แล้วก็จะมีโชว์เคสต่างๆ”
ถามถึงเรื่องตี๋ใหญ่ฤกษ์ดาวโจร วันนี้มาแบบไม่มีหนวดแล้ว?
“หาที่โกนหนวดเจอแล้ว ลืมแวะซื้อ วันนั้นล่าสุดเพิ่งไว้หนวด เพราะว่ากลับไปถ่ายเพิ่มต่างๆ ในการที่เชื่อมในรอยต่อ เราสามารถเพิ่มตัวนี้ให้คุณได้เข้าใจมากขึ้น ได้เข้าใจว่าตี๋ใหญ่คือใคร เขาผ่านอะไรมาบ้าง เขาน่าสนใจยังไง เพราะว่าเขาก็เหมือนตำนานคนนึงที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองไทย แล้วเชื่อว่าเด็กยุคหลังเขาก็คงไม่รู้จักแล้ว
มันก็เป็นการถ่ายทอดในอีกมุมหนึ่ง แต่ในความเป็นคนของตี๋ใหญ่ ได้รู้ว่าจริงๆแล้วการที่เขาเป็นอาชญากรเนี่ย เขามีมุมความเป็นมนุษย์ยังไง ทำไมเขาถึงต้องทำ เขาผ่านอะไรมาบ้าง คือก่อนหน้าที่จะเล่นเรื่องนี้ พี่อุ๋ย (นนทรีย์ นิมิบุตร) ก็น่ารักมาก แล้วก็บอกกับทีมโป แล้วก็บอกว่าโปมีความสนใจในแง่ของเสื้อผ้า คอสตูม โปกับทีมขอได้ไหม ขอให้เรามีมุมมอง เพราะเราก็ชอบในยุคต่างๆ ด้วย แล้วพอเราไปศึกษาฟังประวัติ ฟังเรื่องราวจริง แล้วมันมีรูปจริงด้วยนะ แล้วเขาเป็นคนหนึ่งที่เขาพูดน้อยและเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์และเท่มากๆ แล้วเขาเป็นคนจริง เขารักพวกพ้อง แล้วไอ้สิ่งเหล่านี้เราสื่อสารยังไง การเลือกใช้ชีวิตแต่ละอย่างของเขามันเป็นยังไงบ้าง เราก็เลยหยิบแว่นเหลืองขึ้นมาว่าจริงๆ แล้วเขาอยากจะปิดทั้งความรู้สึกต่างๆ แต่เขาก็ยังอยากมองเห็นบางอย่างอยู่ โปเลยเลือกใช้แว่นสีเหลือง เพราะแว่นสีเหลืองมันสามารถมองตอนคืนเห็นได้ชัด อันนี้คือสิ่งที่โปเสนอไป แล้วก็มีจนกระทั่งแบบเสื้อยีนส์ หรือแม้กระทั่งกางเกงแบบขาม้า หรือบู๊ตที่เขาใส่อะไรอย่างนี้ หรือเข็มขัดโปก็ไปสั่งหล่อมาใหม่แบบเฉพาะตัวละครนี้ก็จะเป็นสีในแบบ ของอาโป ในแบบของทีมตี๋ใหญ่ฤกษ์ดาวโจร”
เราเหมือนเข้าไปในตัวละครตี๋ใหญ่?
“เราต่างเบลนเข้าหากัน เพราะเราเชื่อว่าเขายังอยู่ แล้วเราเชื่อว่าเราจะขอโอกาสเป็นคนถ่ายทอดออกมาให้คนได้เห็น เพราะจริงๆ แล้วในมุมที่คนเห็นว่าเขาเป็นอาชญากร เราถ่ายทอดว่าเขาแค่โดนทำร้ายมาตอนเด็ก มันเลยกลายเป็นว่าเขาต้องสู้และพอเขาได้สู้เสร็จปั๊บ มันดันถอยไม่ได้ แล้วเขาต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ”
คาดว่าจะได้ชมตอนไหน?
“คาดว่าน่าจะเกือบๆ สิ้นปี”
ต่อไปไม่เรียกอาโปแล้วเรียกตี๋ใหญ่?
“ใช่ครับ เรียกตี๋ใหญ่ได้เลย”
ตี๋ใหญ่ตอนนี้อายุเท่าไหร่?
“ตี๋ใหญ่ตอนนี้อายุ 4 ขวบแล้ว ก็เพิ่งผ่านวันเกิดมาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ตอนแรก 3 ขวบตอนนี้ 4 ขวบแล้ว ตอนนี้โตกว่าน้องเนยแล้ว ถ้าเกิดเป็นเวอร์ชั่นตี๋ใหญ่ น้องเนยเดินผ่านนี่สกัดขานะ เดี๋ยวกลิ้งไม่มีใครช่วยนะ”
แต่เรายังเป็นพี่ชายคนโปรดเหมือนเดิม?
“เป็นพี่ชายคนโปรดเหมือนเดิม ล่าสุดไปบ้านเขามา แล้วเขาเขียนว่าพี่โปดื้อที่สุด ไม่ได้ โปก็เลยเอาโพสอิทไปแปะว่า โปน่ารักที่สุด”
ชื่อเรายังอยู่ในสมุดจดอันใหญ่โตของเขา?
“อยู่ในสมุดจด ล่าสุดเขาเพิ่งดีเอ็มมา พี่อาโป Happy Happy Birthday นะ”
แล้วเขาส่งของขวัญอะไรมาให้เรา?
“เขาอาจจะส่งแบบดึงขนตัวเองมา ให้เก็บไว้ไง แล้วเดี๋ยวพี่เอามาแปะเป็นหนวดเลย ตี๋ใหญ่เวอร์ชั่นน้องเนย”
แล้วอายุจริงเท่าไหร่?
“อายุจริง 31 ปี”
31 ปีแล้ว มองเป้าหมายอะไรยังไงบ้าง?
คือจริงๆ ก็มองเป้าหมายเดิมมาสักระยะใหญ่ๆ ว่าอยากทำงานกับคนที่ตั้งใจทำงาน คนที่รักงาน คือจริงๆ หลายๆ คนอาจจะถามว่าอาโปอยากจะไปทำงานแบบระดับโลกหรือเปล่า โปว่ามันเป็นเรื่องรองนะ แต่เรื่องหลักมันคือการที่พอมันเป็นระดับโลก มันต้องมีกระบวนการในการคิดเยอะ เพราะว่ามันมีคนหลากหลายเชื้อชาติ หลายความเชื่อที่เขากำลังมองอยู่ อย่างเช่น การทำงานกับ Dior เขาต้องคิดเป็นระบบ แล้วเขาก็ต้องส่งต่อกันมา มันจะไม่ให้แบบว่าฟังฝั่งนี้ คิดแล้วก็ออกได้เลย มันต้องเป็นการคิดเป็นระบบและวางแผนกันมาตลอดทั้งปี โปเลยอยากร่วมงานกับคนที่เขาวางแผนมา คือมันทำให้งานมันมันส์ขึ้น มันไม่ใช่แค่ว่าช่วงนี้มันมีกระแสอยู่ แล้วต้องเติม โปเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องนั้น
โปอยากทำงานที่มีคุณภาพ ต่อให้วันนี้ถ้าเป็นในแง่ของการที่ชื่อเสียงมันน้อยลง โปก็ยังเชื่อแบบเดิมว่าโปอยากทำงานที่มีคุณภาพ เพราะโปอยากจะกลับไปเห็นผลงานแล้วรู้สึกว่าเราภูมิใจไม่อยากเสียใจว่าเราทำอะไรลงไป
คือเรารู้สึกว่าเรื่องหน้าตาหรือภายนอก ที่ช่างหน้า ช่างผมทำให้ มันลดลงไปอยู่แล้วแหละ เพราะมันก็มีเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาที่หน้าตาดีกว่าเรา ทำได้ดีกว่าเรา เก่งกว่าเรา ทำได้มากกว่าเรา แต่ว่าอะไรล่ะที่มันเป็นเราจริงๆ มันก็เหมือนกับคอนเซปต์นั่นแหละ คือมันดีมากนะที่ถามว่า Self Love ของอาโปคืออะไร โปก็บอกว่ามันคือการรักตัวเองก่อน เพราะรักตัวเอง คือ ถามว่าเราทำอะไร เป็นยังไง และเราก็จะมีมายเซ็ต แบบที่เราเป็น เราต้องเชื่อก่อนว่าสิ่งที่เราทำ มันคือเราทำ เพราะว่าเราอยากทำ”
ล่าสุด มีโอกาสได้ออกแบบกับแบรนด์เสื้อผ้าแบรนด์นึง ซึ่งเขาน่ารักมาก ก็ตอนที่เข้าไปคุย เขาก็ถามว่าเรามีมุมมองยังไง เราอยากทำอะไรบ้าง เราก็เล่าให้เขาฟังคร่าวๆว่าจริงๆ โปโตแล้ว โปอายุ 30 แล้ว แต่โปแค่ชอบความสดใส โปแค่ชอบอะไรที่มันมีชีวิตชีวา งั้นโอเค เราชอบสีพาสเทล เราอยากจะทำอะไรแบบสีชอล์กเหมือนเด็กๆ วาดตามกำแพง มันดูแล้วมันสดใส สดชื่น เขาก็ออกแบบมา เราก็ช่วยๆ เขาออกแบบ เสร็จปั๊บเขาก็น่ารักมาก เอาแบบที่เราเขียนไปอยู่บนนั้น แล้วมันก็ภูมิใจ เพราะวันที่ขายคือเราไม่รู้ว่าขายวันไหน เสร็จปั๊บทีมแบรนด์เสื้อผ้าถามว่าเขาขอให้ขายวันเกิดได้ไหม 24 กุมภาพันธ์ ผมก็บอกว่าดีนะ เพราะว่าจริงๆ แฟนๆ เขาก็จะให้ทุกความรักทุกอย่างสิ่งของในวันเกิด เราเลยรู้สึกว่า เราอยากส่งกลับในมุมของเราที่เราตั้งใจทำมากให้กับเขาในวันเกิดด้วย เสร็จปั๊บ โอ้โห ทุกคนน่ารักมาก ซัพพอร์ตดีมาก แล้วก็รู้สึกภูมิใจ
เมื่อวันก็นั่งดูทั้งวันเลยรวมถึงการ Happy Birthday ของแฟนๆ สิ่งที่แฟนๆ ทำให้ทั่วโลก รู้สึกภูมิใจอยากไปหาทุกที่เลย เดี๋ยวซื้อเครื่องบินเจ็ตก่อน”
พี่มายให้คำอวยพร หรือของขวัญอะไรไหม?
“พี่มายทักมาในไลน์ เขาบอกว่า happy birthday นะครับ สุภาพยันตัวอักษรนะ (ยิ้ม) แล้วก็ตามโซเชียลแพลตฟอร์มต่างๆ เขาก็น่ารัก เป็นคนหนึ่งที่ทำให้โปรู้จักคำว่าใจเย็นๆ เพราะก่อนหน้านี้คือเราเด็กกว่าเขา เป็นคนทำอะไรแบบเต็มที่ แล้วเขาก็จะบอกใจเย็นๆๆ แล้วการกระทำเขาก็จะสอนเราด้วย จริงๆ ก็โตด้วยกันมา ดีใจที่เรื่องชายมีเขาอยู่ข้างๆ ก็โตไปด้วยกัน
แล้วก็ขอบคุณแฟนๆ มากๆ จริงๆ ไม่ว่าจะส่งผ่านความรักมาในช่องทางไหน หรือส่งผ่านอะไรมา หรือทำอะไรให้ ก็เดี๋ยวตามกลับไปดู แล้วเดี๋ยวจะฝากลิงก์ไว้ให้ ส่งคลิปต่างๆ ส่งอะไรอย่างนี้มา เพราะเก็บไว้ในทุกๆ ปี ก็ดีใจมากที่มีกันแล้วก็ซัพพอร์ต กันมา เพราะจริงๆ แล้วโปคงเดินไปคนเดียวไม่ได้ ถ้าเกิดไม่มีทีม ไม่มีพี่ๆ สื่อ ไม่มีแฟนๆ ทุกคนทั่วโลก ก็ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณมากๆ”