นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลได้ดำเนินการลงมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมาร์และกัมพูชาอย่างเข้มข้น ซึ่งสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ประเมินสถานการณ์ตลาดจีนเที่ยวไทย มองว่า ยังแย่อยู่ และมีโอกาสที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2568 จะไปไม่ถึงเป้าหมายนั้น ต้องบอกว่า การที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปรับลดลงเป็นปกติ จึงไม่ได้กังวลเรื่องตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเลย รัฐบาลเน้นการดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาเป็นหลัก โดยเชื่อมั่นว่า ภายหลังรัฐบาลได้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจังแล้ว นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาแน่นอน สะท้อนจากช่วงตรุษจีน ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยมากกว่าปีที่แล้วถึง 8% ส่วนปี 2568 นี้ เราหวังว่าจะเข้ามามากกว่าปีที่แล้ว แต่เกิดสถานการณ์นักแสดงชาวจีน ซิงซิง ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกในช่วงต้นเดือนมกราคม 2568 ทำให้เกิดการสะดุดลง เมื่อเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ก็เป็นช่วงหลังตรุษจีน ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยน้อยลงอยู่แล้ว
“เป้านักท่องเที่ยวจีนที่รัฐบาลต้องการ 8.5 ล้านคน แต่แอตต้ามองว่าอาจจะไม่ถึง 7 ล้านคน ต้องบอกว่า ช่างมัน เป้าก็คือเป้า แม้ต้องการทำให้ถึง แต่ต้องบริหารทุกอย่างให้สมดุลกัน โดยนายกรัฐมนตรีได้ไปหารือโดยตรงกับรัฐบาลจีนแล้ว รวมถึงตัวเองก็ไปพบผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจีนในระหว่างร่วมคณะนายกรัฐมนตรีที่ไปเยือนจีนเช่นกัน ซึ่งในปี 2568 เป็นปีสำคัญครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปีไทย-จีน ระหว่างสองประเทศก็จะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันอีก และตัวเองก็พร้อมนำภาคเอกชนไทยไปโรดโชว์ตลาดจีนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอีก” นายสรวงศ์ กล่าว
นายสรวงศ์ กล่าวว่า สิ่งต่างๆ ที่ฝ่ายจีนช่วยกันดำเนินการอยู่ทำให้มั่นใจว่า ได้ช่วยกันคัดกรองนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น และได้ยินมาจากปากฝ่ายจีนเลยว่า นักท่องเที่ยวจีนที่ยกเลิกไปมาจากเมืองรองของจีน เป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยเดินทางมาไทยมาก่อน หรือพูดตรงๆ ก็คือ ทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่มีการจ่ายเงินแพ็คเกจทัวร์เพียง 12,000 บาท เที่ยว 4 คืน 5 วันในไทย รวมตั๋วเครื่องบินแล้วด้วย ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกมาก โดยปัจจัยที่น่ากังวลคือ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่า เพราะจากที่เดินทางไปญี่ปุ่นล่าสุดพบว่า ปี 2567 เป็นปีแรกที่นักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทย และเราปฏิเสธไม่ได้ ว่าเป็นเพราะค่าเงนเยนอ่อนค่า ทำให้การไปเที่ยวญี่ปุ่นมีราคาถูกลง และตอนนี้เมืองหลักของญี่ปุ่นก็เริ่มเต็ม จึงมีความพยายามทำตลาดเมืองรองเหมือนไทย สิ่งนี้ประเทศไทยต้องพยายามใช้แคมเปญต่างๆ เข้ามากระตุ้นท่องเที่ยว เมื่อประกาศให้ไทยเป็นปี อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ ทัวรริซึ่ม แอนด์ สปอร์ต เยียร์ 2568 (Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025) ก็ต้องมีกิจกรรมที่แกรนด์จริงๆ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา
“ข้อเสนอของแอตต้า และสมาคมโรงแรมไทย ที่เสนอให้ลดจำนวนวันพำนักในไทยสำหรับกลุ่ม 93 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเข้าไทยจากที่ให้พนักได้ 60 วันลง เพราะนักท่องเที่ยวจริงๆ จะอยู่เพียง 15 วัน ส่วนนี้ต้องขอคุยกับภาคเอกชนให้ชัดเจนก่อนว่า เสนออย่างไร หากกังวลเรื่องความมั่นคงอาจปรับลดวันพำนักเหลือ 30 วันก็เป็นไปได้” นายสรวงศ์ กล่าว
