“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ต้องพ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้เขาต้องมีมลทินทางการเมือง ไม่สามารถกลับมาเล่นการเมืองได้อีกภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560
และเขาไม่สามารถกลับในจุดเดิมทางธุรกิจก่อนเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
ต่อไปนี้คือ คำเปิดใจของ “เศรษฐา” เขาเล่าชีวิตหลังการเมือง และสิ่งที่อยากได้กลับคืนมา…
เศรษฐา ตอบคำถาม หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลกระทบทางความรู้สึกอย่างไรว่า เมื่อคำวินิจฉัยออกมาว่าผิด ผมยอมรับว่าผิดหวัง เสียใจ และเหนือความคาดหวัง แต่ที่เหนือความคาดหวังไปมากกว่านั้น คือ มันผิดและมีคำสร้อยต่อท้ายอีกว่า เป็นบุคคลผู้ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เป็นบุคคลที่ไร้จริยธรรม ผมให้สังคมเป็นคนตัดสินดีกว่าว่า คำหลังมันเป็นอย่างไร ผมน้อมรับคำวินิจฉัย
แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันเป็นอย่างไร ผมโชคดีที่ทางด้านการเงินโอเคแล้ว แต่ถ้าจะไปสมัครงานวันนี้ไม่มีใครรับแน่นอน ถึงแม้ว่าลูกของผมจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่แสนสิริ ผมจะกลับมาเป็นกรรมการ จะกลับมาเป็นประธานใหม่ ซึ่งตามกฎหมายสามารถกลับได้ แต่ถ้าบริษัทแสนสิริเป็นบริษัทมหาชน มีผู้ถือหุ้นเป็นหมื่นคน มีรายย่อยบางคนไม่เห็นด้วยกับการที่กรรมการเสนอว่า ให้นายเศรษฐา ทวีสิน บุคคลที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้จริยธรรม มาเป็นกรรมการด้วย กรรมการเหล่านั้นจะตอบอย่างไร ไม่อยากเอาภาระไปให้กรรมการหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต้องมาตอบตรงนี้
ผมไปทำงานอื่นก็ไม่ได้ ใครจะจ้างเป็นที่ปรึกษาก็ไม่ได้ ไปทำงานต่างประเทศได้อย่างเดียว วันนี้ยังดีใจที่ทางเครือมติชน ยังให้เกียรติมาพูดคุยกัน ส่วนจะลบล้างคำนี้หรือไม่ ผมไม่ทราบกลไกกฎหมาย
“แต่สิ่งที่ผมขอและอยากจะได้ คือ ผมเป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีจริยธรรมกลับคืนมาเท่านั้น ส่วนจะมีคำวินิจฉัยต่อไปว่า เคยทำผิดในการแต่งตั้งนายพิชิต (ชื่นบาน) และเป็นความผิดที่ร้ายแรง ไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อ ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน แต่ความผิดนั้น มันเป็นความผิดที่รุนแรงขนาดนั้นเลยหรือไม่ มันเป็นที่ประจักษ์จริงหรือไม่ แต่เมื่อตัดสินมาแล้วก็ต้องยอมรับและอยู่กันไป ถ้าอยู่ไม่ได้คงไม่มีความสุข ผมเชื่อว่ายังทำงานให้สังคม ประเทศชาติ และสาธารณชนได้ในบทบาทอื่น ๆ ได้อีกเยอะ”
เศรษฐากล่าวว่า จริง ๆ แล้วก่อนที่ผมจะเข้าไปเป็นนายกฯ ผมก็ฟิต อยากทำนู่นทำนี่ แต่เมื่อเข้าไป เราก็เข้าใจขีดจำกัด คณิตศาสตร์ทางการเมืองก็เป็นขีดจำกัดหนึ่งที่ทำให้ขับเคลื่อนอะไรลำบาก ผมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เราช่วยกันเขียนนโยบายพรรค ไปหาเสียง ระหว่างที่ผมเป็นนายกฯ และ น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็พูดคุยกันตลอดเวลา
เมื่อผมออกจากตำแหน่งนายกฯ ก็มีการส่งมอบงาน เชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ตระหนักดีถึงความจำเป็นของนโยบายต่าง ๆ อยู่แล้ว ทั้งผมและนายกฯแพทองธาร ก็เข้าใจถึงขีดจำกัดของคณิตศาสตร์ทางการเมือง ซึ่งนายกฯแพทองธารก็พยายามทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนตัวผมไม่มีอะไรจะแนะนำ ไม่มีอะไรจะเรียกร้อง เป็นแค่กำลังใจ และยินดีสนับสนุน เพราะเข้าใจว่านายกฯแพทองธาร มีความตั้งใจดี
นับจาก 4-5 เดือนที่ผ่านมา จนวันนี้ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Growth into the job nicely เป็นคนที่เข้ามาและพยายามพัฒนาตัวเอง ผมเชื่อว่านายกฯแพทองธาร ยืนอยู่ได้บนเวทีโลกอย่างสง่าผ่าเผย ส่วนเรื่องอื่น ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีการพัฒนากันไปเรื่อย ๆ ท่านต้องพัฒนาต่อ ตัวของผมเอง และทุกคนก็ต้องพัฒนาต่อ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่าน
หลายนโยบายที่รัฐบาลยุคเศรษฐาผลักดัน ทั้งการดึงบิ๊กเทค AWS-Google-Microsoft มาลงทุนในไทย แม้ไม่เห็นผลทันทีในตอนนั้น แต่เห็นผลในวันนี้ รวมถึงเห็นความสำเร็จของสมรสเท่าเทียมที่เริ่มผลักดันยุครัฐบาลเศรษฐา รู้สึกอย่างไร
เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง ความจริงผมแปลกใจว่า เรื่องง่าย ๆ เหล่านี้ทำไมเกิดขึ้นช้า มันไม่ควรล่าช้าขนาดนี้ ในเรื่องสมรสเท่าเทียม เพราะสิทธิที่เขาเรียกร้อง เป็นสิทธิที่เท่าเทียม ไม่ใช่สิทธิที่เหนือกว่า สิทธิที่จะเลือกรักใคร ดูแลใคร อยู่กับใคร เป็นสิทธิที่เราพึงจะมี สิทธิเสรีภาพว่าจะแต่งตัวอย่างไร ทำผมอย่างไร เป็นสิทธิของเขา เขาไม่ได้รุกรานใคร ไม่ได้กล่าวร้ายใคร
อย่างไรก็ตาม ตรงนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น คนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น คำนำหน้าชื่อ บางคนหน้าตาสวย แต่คำนำหน้าเป็นนาย ลองจินตนาการว่าถ้าคุณเป็นเขา คุณอยากเป็นผู้หญิง มีการแปลงเพศแล้ว มีคู่ชีวิตแล้ว แต่เจอคนสายตามองและยิ้มแบบ “อะไรวะ ?”
ตอนที่ผมยังดำรงตำแหน่งนายกฯ ก็เคยคุยกับฝ่ายความมั่นคงว่า ทำไมเราไม่ให้เขาเลือกใช้คำนำหน้าตามที่เขาต้องการ ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงบอกว่า บางคนเป็นนาย แต่อยากจะหนีทหาร ผมจึงบอกว่า การที่เราจะผลักดันนโยบายอะไรออกไป อย่าให้คนไม่ดีมาหยุดยั้งการที่เราจะทำนโยบายเหล่านี้ออกไป คนไม่ดีเราก็ต้องแก้ไข จะมีการตรวจเลือด ตรวจดีเอ็นเอ หรืออะไรก็ว่ากันไป ส่วนที่บอกกันว่าจะเป็นปัญหาทางการแพทย์ ในการระบุตัวตนว่าเป็นเพศอะไรนั้น ในบัตรประชาชนสามารถมีช่องที่ระบุได้ว่าเป็นเพศอะไร ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีก้าวหน้า สามารถใส่ข้อมูลบุคคลในตัวชิปก็ได้
จิตใจของคนเป็นเรื่องสำคัญมาก สิทธิเสรีภาพในการเลือกเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิของคนอื่น นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญมาก การที่ตัวเลขออกมาว่า อัตราการเกิดปี’67 มีจำนวน 4 แสนกว่าคนนั้น ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ การที่เขามีบุตรน้อย ไม่อยากมีครอบครัว เพราะอะไร เพราะเขามีความไม่สบายใจใช่หรือไม่ และความไม่สบายใจเกิดขึ้นจากอะไรหลาย ๆ อย่าง
ทั้งสิทธิเสรีภาพในการเลือก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกประกอบอาชีพ การสมัครใจเกณฑ์ทหาร การเลือกเพศสภาพ การเข้าถึงระบบการศึกษา การเข้าถึงระบบงานที่เหมาะสม สิทธิเสรีภาพในการได้อากาศบริสุทธิ์ ดังนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องนำส่งต่อประชาชน ซึ่งปัญหานี้หมักหมมมานาน จะให้รัฐบาลในอดีตของผม หรือรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ทำให้เกิดขึ้นก็ลำบาก
วันนี้สมรสเท่าเทียมจบแล้ว คำนำหน้าชื่อ มีความเป็นไปได้หรือไม่ ได้ยินข่าวมาว่าลำบากมาก ส่วนตัวถ้าผมไปพูดที่ไหนก็ยังยืนยันว่า ถึงอย่างไรก็ต้องให้เขา ผมทนไม่ได้ที่เห็นคนหน้าตาสวย ๆ แล้วถูกมองด้วยสายตาเช่นนั้น แค่นี้ก็เหยียบย่ำหัวใจของเขาอย่างเต็มที่แล้ว ผมคิดว่ามันไม่แฟร์
ทั้งนี้ เข้าใจว่าตอนหลังอาจจะเป็นการประนีประนอม ไม่จำเป็นต้องมีคำนำหน้าชื่อ ถามว่ารับได้หรือไม่ ก็ยังดีกว่า ซึ่งผมเฝ้าติดตามและอยากจะรณรงค์ต่อไปว่า ต้องให้สิทธิกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานที่เขาพึงจะต้องได้ ทำไมเขาถึงไม่ได้ ซึ่งผมพูดจากใจ ไม่ได้อิงการเมือง