ค่าเงินบาทผันผวนระหว่างวัน หลัง ธปท. ลดดอกเบี้ย 0.25%
jit February 26, 2025 06:41 PM

ค่าเงินบาทผันผวนระหว่างวัน หลัง ธปท.ลดดอกเบี้ย 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี โดยให้มีผลทันที

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ (26/02) ที่ระดับ 33.74/75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (25/02) ที่ระดับ 33.73/74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในเมื่อวานนี้หลังมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ร่วงลงอย่างหนักในเดือน ก.พ. ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังปรับตัวลงตามทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเมื่อวานนี้ (25/02) ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 98.3 ในเดือน ก.พ. โดยเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2567 จากระดับ 105.3 ในเดือน ม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 102.3

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นดิ่งลงเกือบ 7% ในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2564 โดยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดแรงงาน รวมทั้งการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ

ด้านปัจจัยภายในประเทศ นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง.วันนี้ คณะกรรมการ มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ 1 เสียงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คณะกรรมกรรมองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้าง และการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้น จากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก แม้ว่าเศรษฐกิจจะได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศ และการท่องเที่ยว

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากการระบายสินค้าคงคลังที่สูง แม้อุปสงค์ในประเทศ การท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้าขยายตัวดี มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากภาคการผลิตที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง และการแข่งขันจากสินค้านำเข้าที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้าง

ขณะที่ภาคบริการยังขยายตัวได้ ด้านอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวจากการบริโภคภาคเอกชน ส่วนการส่งออก คาดว่าจะขยายตัวได้จากสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีและเกษตรแปรรูปเป็นหลัก ทั้งนี้ คณะกรรมการเห็นควรให้ติดตามภาคการผลิตที่อาจถูกกดดันต่อเนื่อง

โดยเฉพาะ SMEs ที่เผชิญปัญหาความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลักต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย อัตราเงินเฟ้อทั่วไป มีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงขอบล่างของกรอบเป้าหมายจากปัจจัยด้านอุปทาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้าง อาทิ การแข่งขันด้านราคาที่สูงจากสินค้านำเข้า โดยอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับดังกล่าว ไม่ได้มีสัญญาณนำไปสู่ภาวะเงินฝืด หรือภาวะที่เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง และยังมีส่วนช่วยบรรเทาค่าครองชีพ และต้นทุนของผู้ประกอบการ

ด้านอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลาง ยังทรงตัวในกรอบเป้าหมาย ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงด้านต่ำจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกและการอุดหนุนราคาพลังงานในประเทศ ภาวะการเงินยังตึงตัว แม้การขยายตัวและคุณภาพของสินเชื่อในภาพรวมเริ่มมีสัญญาณทรงตัวบ้าง แต่สินเชื่อ SMEs โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างยังหดตัวต่อเนื่อง

ด้านการขยายตัวของสินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งจากครัวเรือนที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีภาวะหนี้สูง ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทภายในวันอยู่ในกรอบระหว่าง 33.69-33.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.74/75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (26/02) ที่ระดับ 1.0522/23 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (25/02) ที่ระดับ 1.0468/69 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยปรับตัวแข็งค่าตามการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐ โดยเศรษฐกิจเยอรมนีหดตัว 0.2% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับตัวเลขประมาณการเบื้องต้น ทั้งนี้ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0504-1.0523 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0505/06 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (26/02) ที่ระดับ 148.75/76 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (27/02) ที่ระดับ 149.70/73 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ เนื่องจากอาจทำให้กำไรจากการส่งออกเมื่อแปลงกลับเป็นเงินเยนลดลง

นอกจากนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าลบต่อกว่าระดับ 38,000 จุดในวันนี้ (26/2) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเฉพาะบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ร่วงลงอย่างหนัก หลังมีข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ อาจออกมาตรการคุมเข้มการส่งออกชิปไปยังจีนเพิ่มเติม ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนอยู่ในกรอบระหว่าง 148.70-149.40 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 149.32/33 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ของสหรัฐ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (27/2), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ (27/2), ดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (28/2)

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ของประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศออสเตรเลีย (26/2), ดัชนีราคาผู้บริโภคขั้นต้นของประเทศเยอรมนี (28/2), ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของประเทศแคนาดา (28/2)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -7.00/-6.90 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -5.50/-4.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.