“นายกฯอิ๊งค์”ผวา!โดนจริยธรรม
GH News February 27, 2025 04:05 AM

“อุ๊งอิ๊งค์”ผวาโดนจริยธรรม แจงถามศาลรธน.ปมนิยามซื่อสัตย์สุจริต ปัดไม่เกี่ยวปรับ ครม. ด้าน “วันนอร์”เคาะ 17 มี.ค. ประชุมร่วมรัฐสภา​ถกญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตีความทำ “ประชามติ” กี่ครั้ง​ ชี้​หากศาลรับเรื่องต้องชะลอ”แก้รัฐธรรมนูญ​”ก่อน ส่วน “มนพร” แง้มถกซักฟอก 24-28 มี.ค. โว “รัฐบาล” แน่นปึ้ก ขณะที่ “สว.สำรอง”มอบดอกไม้ให้กำลังใจ “ทวี สอดส่อง” ทำคดี “ฮั้วสว.” เชื่อดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ด้าน “เจ้าตัว”ยันไม่ใช้อำนาจก้าวล่วงการทำงาน ให้เป็นไปตามขั้นตอน กระบวนการยุติธรรม ลั่น 6 มี.ค. “กกต.”เบี้ยวให้ข้อมูล เดี๋ยวส่งจนท.ไปหา

เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบหมาย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือสอบถามถึงศาลรัฐธรรมนูญ ขอความชัดเจนเรื่องกรอบจริยธรรมและนิยามคำว่าซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ว่า เรื่องจริยธรรมใช่หรือไม่ เป็นสิ่งที่สร้างความชัดเจนเท่านั้นเอง เพราะของเดิมไม่ทราบว่าขอบเขตเป็นอย่างไร จริงๆแล้วกฎหมายทุกเรื่อง อย่างเช่นวันนี้ ตนจะคุยเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงเรื่องอะไรก็ตามต้องมีขอบเขตที่ชัดเจน เพื่อให้คนปฏิบัติจะได้ปฏิบัติได้อย่างชัดเจน เช่น ตำรวจจะได้รักษากฎหมายได้อย่างชัดเจน

เมื่อถามว่าเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับ ครม.ด้วยหรือไม่ เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องจริยธรรมในการตั้งใครเข้ามา นายกฯ กล่าวว่า อันนี้ไม่เกี่ยว ตอนที่ตนรับตำแหน่งนายกฯการตั้งบุคคลต้องตรวจสอบประวัติเยอะมาก บางทีไม่ทราบด้วยว่าเคสนี้ควรจะได้หรือไม่ได้ มีความสับสนเยอะในการนำคนเก่งๆเข้ามาทำงาน เรื่องนี้ทำให้เรามั่นใจมากขึ้นเพราะไม่อยากจะโดนเรื่องจริยธรรม 

เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับคนที่มีประวัติสุ่มเสี่ยงและทำให้ไม่กล้าตั้งก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่เกี่ยวค่ะๆ

ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา​ ประธานรัฐสภา​ เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างตัวแทนคณะรัฐมนตรี สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร​ พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร​ พรรค การเมืองฝ่ายค้าน

หลังใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง​ นายวันมูหะมัดนอร์​ ได้นำแถลงผลการประชุมว่า​ ที่ประชุมได้ตกลงกันว่าจะมีการประชุมร่วมกัน​ของรัฐสภาวาระพิเศษ ในวันที่ 5 มีนาคม​ 2568​ เวลา 09.30 น. โดยจะพิจารณา 4 เรื่อง คือ เรื่องรับรองพิธีการพิธีสาร​ฉบับที่​ 1​ เพื่อตกลงการค้าอาเซียน-ฮ่องกง​ ,ความตกลงด้วยข้อบังคับ ความปลอดภัยทางอาหารของอาเซียน​ ,ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่.. พ.ศ. ... และร่างข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา​ฉบับที่..พ.ศ. ...

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า นอกจากนั้น​ ที่ประชุมยังมีข้อตกลงเพิ่มเติมว่า จะมีการประชุมร่วมครั้งต่อไป​ในวันที่ 17 มีนาคม​ 2568  เพื่อพิจารณาญัตติขอให้รัฐสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ ซึ่งเป็นญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ​ สว. และนายวิสุทธิ์​ ไชยณรุณ​ สส.พรรคเพื่อไทย ​เพื่อหาข้อยุติว่า​ ที่ประชุมเห็นด้วยที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งหากเห็นด้วย​ ก็จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ ต้องทำประชามติหรือไม่​ และทำกี่ครั้ง

“หากส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทางรัฐสภา​ ก็จะต้องชะลอการพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ซึ่งคิดว่าคงไม่ช้า​ แต่หาก คำวินิจฉัยออกมาเมื่อไหร่​ ทางสภาฯก็พร้อม ที่จะเปิดประชุมเพื่อพิจารณา​ โดยพยายามจะให้เสร็จทันในสมัยประชุมนี้”นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

ส่วน นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะตัวแทนรัฐบาลเข้าร่วมประชุมวิป 3 ฝ่าย กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 27 ก.พ. ว่า วันนี้ได้มีการหารือกันระหว่างวิปฝ่ายค้าน และรัฐบาลแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีกี่คน แต่ก็ได้กำหนดกรอบเวลาคร่าวๆว่าจะใช้เวลาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.วันที่ 24-28 มี.ค. โดยหลังจากนี้จะประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อพิจารณาและกำหนดวันที่แน่นอนว่า ต้องใช้เวลาเท่าใด ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ถูกยื่นอภิปรายและประเด็น

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 5 วัน นางมนพร กล่าวว่า คงไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ แต่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านก็ไม่เคยขอวันอภิปรายถึง 5 วัน แต่ทั้งหมดก็ต้องหารือกัน โดยต้องดูจำนวนผู้ที่ถูกอภิปรายก่อน ทั้งนี้ยืนยันรัฐมนตรีทุกคนมีความพร้อมที่จะตอบข้อซักถามของฝ่ายค้าน ซึ่งในพรรครัฐบาลมีการปรึกษาหารือกันตลอด

เมื่อถามว่าประเด็นที่เตรียมตั้งรับ มีอะไรบ้าง นางมนพร กล่าวว่า ต้องขอดูญัตติก่อนว่ามีเรื่องใดและกระทรวงไหนบ้าง แต่ขอเน้นย้ำว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการตกลงกันแล้วว่า ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งข้อมูลต่างๆ จากนำไปซึ่งการโหวตลงมติความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่มรัฐบาลยังแน่นปึ้ก

ที่บริเวณหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง และอดีตผู้สมัคร สว.รวมกว่า 20 คน เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมทั้ง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ

นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า ตนในนามของสมาชิกวุฒิสภา(สำรอง) ตลอดจนผู้ที่เคยผ่านการสมัคร สมาชิกวุฒิสภาด้วยกัน ได้เดินทางมาเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในการดำเนินการต่อสู้กับอำนาจที่ทำลายระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จนทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อประเทศในด้านต่างๆ อีกทั้งทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศจากนานาชาติถูกลดทอนลง อีกทั้งกระบวนการซึ่งการได้มาของสภานิติบัญญัติ มองว่ามีความไม่สุจริตโปร่งใส แต่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลับเพิกเฉย ซึ่งตนมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการระดับสูง

ส่วนที่วานนี้ (25 ก.พ.68) มีการเลื่อนการพิจารณารับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ มองว่าอาจจะมีเหตุผลในเรื่องข้อกฎหมาย เรื่องการมอบหน้าที่อำนาจว่าใครมีอำนาจในการตรวจสอบด้านใด ไม่ว่าจะเป็นทางอาญา หรือทางกฎหมายการเลือกตั้ง  แต่ทั้งนี้ก็มีความคาดหวังว่าในวันที่ 6 มี.ค.68 ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษอีกครั้ง ทางดีเอสไอจะรับคดีการฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ

“เชื่อมั่นว่าดีเอสไอ จะรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษอย่างแน่นอน เพราะมีประชาชนจำนวนมาก ที่อยากเห็นความยุติธรรม ตลอดจนพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นวันเลือกตั้ง หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรือพยานบุคคลที่เข้ามาเป็นพยานในคดีนี้มากมาย เชื่อว่าพยานหลักฐานมากพอที่จะทำให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ แต่หากไม่สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ทางเราก็มีแนวทางอยู่แล้ว” นายอัครวัฒน์ กล่าว

ขณะที่ตัวแทนประชาชนก็ได้ มามอบดอกไม้ให้กำลังใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและผู้บริหารดีเอสไอด้วยเช่นกัน โดยบอกว่าจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น เชื่อว่าผลสำรวจประชาชนกว่า 90% ก็เชื่อว่ามีการฮั้วเกิดขึ้น ตนที่เดินทางมาในนามประชาชนที่เฝ้าดูการทำงานของ กกต. วันนี้มาเพื่อขอให้ทางดีเอสไอช่วยทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ว่า สว.ที่ผ่านการเลือกตั้ง มาด้วยความสุจริตบริสุทธิ์ใจจริงหรือไม่

ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องนี้ อยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการคดีพิเศษเลื่อนการประชุมไปอีกหนึ่งสัปดาห์เนื่องจากพบว่ายังมีข้อมูลที่มากมายจึงขอให้กรรมการคดีพิเศษที่ได้รับฟังข้อเท็จจริงเมื่อวานแล้วแต่ยังมีข้อสงสัยเรื่องข้อกฎหมายและจะได้กลับไปทบทวนเพื่อจะมาประชุมกันใหม่ในวันที่ 6 มี.ค.ที่จะถึงนี้

“ส่วนอำนาจที่ใช้เรียก กกต.มานั้น ใช้วิธีการประสานงาน เพราะในบางประเด็นอาจจะเป็นเอกสารมาก็ได้ ซึ่งก็มีการประสานงานกับคณะกรรมการการเลือกตั้งอยู่แล้วไม่ได้มีความขัดแย้ง โดยภายในวันที่ 6 มี.ค. หาก กกต.ไม่มา ดีเอสไอจะส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการประสานงานก็ได้ ในประเด็นที่เป็นข้อสงสัย เป็นการตั้งคำถามจากการประชุมเมื่อวานนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในด้านของข้อกฎหมาย” รมว.ยุติธรรม กล่าว

ส่วนเรื่องการเลือกตั้งเป็นเรื่องของกกต. ส่วนที่เป็นคดีอาญาอื่น ถ้าคณะกรรมการคดีพิเศษรับให้เป็นคดีพิเศษ หากเป็นความผิดท้ายพระราชบัญญัติก็สามารถเป็นคดีพิเศษได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ก็มีคำถามในข้อเท็จจริงบางอย่างและเนื่องจากประธานการที่ประชุมต้องรีบเดินทางไปขึ้นเครื่องบินก็เลยทำให้ยังไม่มีมติเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ ถ้าในวันที่ 6 มี.ค. องค์ประชุมไม่ครบจะต้องเลื่อนการประชุมออกไปอีกหรือไม่ รมว.ทวีย้ำว่ามีการนัดหมายล่วงหน้ากันมาแล้วว่าจะต้องมา

ส่วนกรณีที่ สว. เตรียมจะอภิปรายทั่วไปต่อตนนั้น ตนก็พร้อมจะชี้แจงยืนยันว่าทำด้วยความยุติธรรมไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ซึ่ง หากตอนชี้แจงมีคำถาม  หากตอนชี้แจงมีคำถามที่ตนจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับบางอย่าง หากทาง สว.รับได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการสืบสวน ทุกอย่างจะเป็นไปตามข้อมูลหลักฐานเรื่องวิทยาศาสตร์เรื่องเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่โกหกไม่ได้

ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา เผยหลักการว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายซึ่งจะต้องเข้าลักษณะที่เป็นคดีพิเศษเมื่อมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ดีเอสไอก็ต้องมีการสืบสวน ซึ่งคดีนั้นจะเข้าลักษณะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ตามหลักการกฎหมายถ้าเป็นความผิดตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับไว้ แต่ถ้าเข้าข้อกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่ข้อกฎหมายท้ายพระราชบัญญัติอันนี้ต้องใช้มติ คกพ.ที่จะรับเป็นคดีพิเศษ

“เมื่อสืบสวนแล้วเห็นว่าเรื่องนี้ น่าจะเข้าเรื่องเป็นลักษณะคดีพิเศษก็จะต้องเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อให้มีมติ ซึ่งส่วนนี้เป็นกระบวนการปกติ ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนบางส่วนมองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง แต่ตนมองว่าหากมีประชาชนมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ดีเอสไอก็ต้องบังคับใช้กฎหมายทำตามหน้าที่ ซึ่งถ้าไม่ทำตามหน้าที่ทางดีเอสไอก็จะผิดเอง ยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงกดดันดำเนินการตามหน้าที่เท่านั้น” พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าว

 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.