ประเทศคิวบาได้รับการตอบรับ และกลายเป็นประเทศพันธมิตร BRICS อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2568 โดยการได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ BRICS เป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของประเทศทางใต้ในการระบบโครงสร้างระหว่างประเทศเพื่อความเท่าเทียม และเป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืนได้ยิ่งขึ้น
นายเอ็ดดูอาร์โด เรกาลาโด ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์การศึกษาการเมืองระหว่างประเทศแห่งคิวบา กล่าวในการสัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “การปิดกั้นและคว่ำบาตรในระยะยาวส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศคิวบาและการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน เนื่องจากการเป็นประเทศพันธมิตรของ BRICS ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับคิวบา ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ในการพันธมิตรกับ BRICS ของประเทศคิวบาจะมีผลให้เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะเป็นโอกาสที่จะได้เปิดช่องทางการค้าใหม่ๆ ได้รับแรงผลักดันใหม่ๆ ที่จะมีผลถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะช่วยให้ประเทศคิวบาสามารถขจัดปัญหาเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อมายาวนานได้ โดยการเข้าร่วม BRICS ของประเทศคิวบา สามารถขยายพื้นที่ความร่วมมือจากประเทศพันธมิตรของ BRICS ในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศทางใต้ของโลกได้ดีขึ้น อีกทั้งยังจะเพิ่มอิทธิพลในระดับนานาชาติโดยรวมของประเทศเหล่านี้ได้อีกด้วย”
นายเอ็ดดูอาร์โด เรกาลาโด กล่าวว่า การเข้าร่วมกลุ่ม BRICS จะทำให้คิวบามีโอกาสในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและลดการพึ่งพาตลาดที่มีความเฉพาะเจาะจง และหวังว่าประเทศ BRICS จะใช้ข้อได้เปรียบทางการเงินและเทคโนโลยี เพื่อการลงทุนในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานหมุนเวียน การเกษตร การท่องเที่ยว และสาขาอื่นๆ ของประเทศคิวบา ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถเดินหน้าพัฒนาได้ตามที่จะเป็นเนื่องมาจากการคว่ำบาตร และคิวบายังสามารถใช้บริการของธนาคาร BRICS ที่พัฒนาขึ้นใหม่ได้อีกด้วย โดยธนาคารพัฒนาใหม่นี้มุ่งเน้นการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะตอบสนองต่อความต้องการการพัฒนาของประเทศกำลังพัฒนาได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ นายเอ็ดดูอาร์โด เรกาลาโด เชื่อว่า การที่ประเทศคิวบามีทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหนือกว่าและเป็นที่รู้จักในชื่อ “กุญแจสู่อ่าวเม็กซิโก” จะสามารถเปิดประตูให้ประเทศ BRICS เข้าสู่ละตินอเมริกาและแคริบเบียนและขยายความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคได้ ประเทศคิวบามีความมั่นคงทางการเมืองและสังคม รวมถึงมีความร่วมมือที่ยาวนานกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค นับว่าเป็นรากฐานที่ดีที่ทำให้ประเทศ BRICS สามารถเข้าสู่ตลาดแคริบเบียนได้ และช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ BRICS และประเทศต่างๆ ในภูมิภาค การที่ประเทศคิวบาเข้าร่วมครอบครัว BRICS จะเป็นต้นแบบให้กับประเทศในแคริบเบียนและเสริมสร้างความกระตือรือร้นในการเข้าร่วม BRICS ของกลุ่มประเทศดังกล่าว
โดยจากเหตุการณ์คว่ำบาตร เป็นผลให้ระบบไฟฟ้าของประเทศคิวบาไม่มีเสถียรต่อเนื่องเป็นเวลานานในปี 2567 ที่ผ่านมา และบางครัวเรือนต้องประสบปัญหาไฟฟ้าดับนานถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน โดยในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 จากการประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 16 ใบสมัครขอเข้าร่วม BRICS ของคิวบาได้รับการอนุมัติ ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งของกลุ่ม BRICS และถือเป็นสมาชิกสำคัญของครอบครัว “กลุ่มประเทศใต้ของโลก” ซึ่งจีนถือเป็นประเทศผู้นำในการเปิดตัวความร่วมมืออันมีสาระสำคัญดังกล่าวนี้ โดยเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2567 วัสดุขนส่งทางอากาศชุดแรกซึ่งจีนบริจาคให้กับประเทศคิวบาสำหรับโครงการอุปกรณ์เสริมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเชื้อเพลิงแบบกระจายได้เดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองหลวงของประเทศคิวบาแล้ว
นายเรกาลาโด กล่าวว่า “ความช่วยเหลือที่จีนมอบให้คิวบาอย่างสมบูรณ์ครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างสองประเทศ ความช่วยเหลือนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมีมนุษยธรรมของจีนได้เป็นอย่างดี โดยแนวคิดในการสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติของจีนนั้นสามารถนำมาปฏิบัติจริงและเป็นผลเป็นรูปธรรมได้อย่างดี”
และภายใต้กลไกความร่วมือของ BRICS จึงเป็นโอกสที่ดีของประเทศคิวบาจะร่วมมือกับจีนมากขึ้น
“คิวบาและจีนมีศักยภาพในการร่วมมือกันอย่างมาก จีนได้กลายมาเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกด้วยเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู นอกจากนี้ยังเป็นผู้สนับสนุนและปฏิบัติตามความร่วมมือแบบใต้-ใต้ คิวบายังมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการสร้างความสามัคคีและความร่วมมือกับประเทศทางตอนใต้ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างคิวบาและจีนภายใต้กรอบ BRICS สามารถมีบทบาทเชิงประสานกันที่ยิ่งใหญ่”
นายเรกาลาโด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในโลกปัจจุบัน การปกครองแบบผูกขาดและการเมืองแบบใช้อำนาจยังคงมีอยู่ อย่างแพร่หลาย โดยระเบียบเก่าที่ไม่มีความยุติธรรมและไม่มีเหตุผลนี้ได้ขัดขวางการพัฒนาของประเทศต่างๆ ในโลกตอนใต้เป็นอย่างมาก การที่ประเทศคิวบาเข้าร่วมกลุ่ม BRICS นี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการส่งเสริมการพัฒนาโลกหลายขั้วได้มากยิ่งขึ้น และช่วยสร้างระเบียบระหว่างประเทศใหม่ที่มีความเสมอภาค ให้เกิดความสันติ ความมั่นคง และความยุติธรรม ได้อย่างสมเหตุสมผล
