‘แบงก์ชาติ’ เผยเศรษฐกิจไทยเดือน ม.ค. 68 ยังโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์มาตรการรัฐช่วยหนุนเต็มพิกัด พร้อมแจงอยู่ระหว่างพิจารณาข้อเสนอปรับเงื่อนไขมาตรการ LTV ฟุ้งโครงการแก้หนี้ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ยังฉลุย ประชาชนทยอยลงทะเบียนต่อเนื่อง
28 ก.พ. 2568 – นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค. 2568 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ทั้งจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ เช่น มาตรการยกเว้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าและรถสาธารณะ มาตรการ Easy E-Receipt และมาตรการเงินโอนเฟส 2 ซึ่งส่งผลดีต่อภาคบริการด้านขนส่ง ขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้ากึ่งคงทน รวมถึงการผลิตในหมวดยานยนต์ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์นั่ง
สำหรับการส่งออกหมวดยานยนต์หดตัว ตามการส่งออกรถกระบะและรถยนต์นั่งไปออสเตรเลีย จากอุปสงค์ที่ชะลอตัว ด้านการจ้างงานโดยรวมทรงตัว แต่ยังต้องติดตามการจ้างงานโดยเฉพาะภาคการก่อสร้างและภาคการผลิต
ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลของฐานต่ำในปีก่อน ประกอบกับราคาผักเพิ่มขึ้น ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามราคาอาหารสำเร็จรูป ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงตามดุลการค้าที่เกินดุลลดลงเป็นสำคัญ ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุลเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกสินค้า ขยายตัว 12.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านการนำเข้าขยายตัว 7.5%
นางสาวชญาวดี กล่าวอีกว่า ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์ ในเดือน ม.ค. 2568 โดยเงินบาทเฉลี่ยอ่อนค่าตามปัจจัยโลก หลังการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ที่ได้เพิ่มความกังวลต่อการค้าโลกในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.พ. 68 เงินบาทเฉลี่ยปรับแข็งค่า รวมถึงดัชนีค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ตามเงินบาทที่เคลื่อนไหวแข็งค่าอยู่ในกลุ่มนำสกุลเงินภูมิภาค หลังตลาดมองว่านโยบายกีดกันทางการค้าสหรัฐฯ อาจไม่รุนแรงตามคาด และการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีน ที่เป็นไปในเชิงบวก ประกอบกับได้รับปัจจัยด้านแข็งค่าเพิ่มเติมจากปัจจัยฤดูกาลภาคท่องเที่ยว
“เศรษฐกิจไทยในเดือนม.ค. 2568 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยว 3.7 ล้านคน และรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับตัวดีขึ้น ด้านการบริโภคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากมาตรการภาครัฐ สอดคล้องกับกิจกรรมการค้า การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนภาคเอกชน ประกอบกับการส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน แต่ยังกระจุกตัวแค่บางหมวด ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่องจากทั้งรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายประจำ” นางสาวชญาวดี กล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ยังมีแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยว และบริการอย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมทั้งนโยบายการค้าที่มีความไม่แน่นอนสูง ส่งผลต่อการฟื้นตัวของรายรับธุรกิจและรายได้ครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ต้องติดตาม คือ การพัฒนาการของภาคการผลิต ผลกระทบจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
อย่างไรก็ดี ในส่วนของข้อเสนอให้มีการปรับเงื่อนไขมาตรการ LTV นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในแง่ข้อมูลต่าง ๆ ที่เข้ามา โดยหากพิจารณาภาพธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาคการก่อสร้างต่าง ๆ ก็พบว่ามีพัฒนาการที่เปลี่ยนไป โดยเรื่องนี้ได้มีการหารือกับภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และต้องดูความเหมาะสม ส่วนมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน อย่าง “โครงการคุณสู้ เราช่วย” นั้น ยังเดินหน้าต่อไป ซึ่งพบว่า ยังมีคนเข้ามาลงทะเบียนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เบื้องต้นจะเน้นไปที่มาตรการท่องเที่ยวและมาตรการด้านภาคเกษตรเป็นหลัก ส่วนหลังจากนี้อาจจะต้องมาพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องมีมาตรการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิตอื่น ๆ ออกมาด้วยหรือไม่