วันที่ 28 ก.พ. 68 เมื่อเวลา 15.35 น. ที่ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ติดตามการดำเนินการตัดสายสัญญาณการสื่อสารบริเวณด้านหลังสถานีรถไฟคลองลึก และการลดสัญญาณการสื่อสาร โดยด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อยู่ตรงข้ามตึก 25 ชั้น , ตึก 18 ชั้น และตึกไฮโซ ของปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งตึกดังกล่าวเป็นตึกที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นที่ตั้ง
เมื่อมาถึงนายกฯฟังรายงานสถิติการเดินทางเข้า-ออกในจุดผ่านแดน จาก พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ สุภาพร ผกก.ตม.จังหวัดสระแก้ว ที่รายงานว่า สถิติการเข้า-ออกของคนกัมพูชา จำนวน 20,000 คนต่อวัน เราจะมีการคัดกรองตรวจผู้ต้องสงสัยด้วยการสังเกตการณ์ และล่าสุดยังได้มีการตรวจจับกุมคนไทยที่ลักลอบนำเงินเข้าราชอาณาจักรจำนวน 15.7 ล้านบาท
ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธการที่คนจะออกนอกประเทศได้ แต่เราจะมีการสังเกตและดูประวัติบุคคลนั้นๆ หากมีการเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมายเราจะให้เขาเซ็นยินยอม ในการเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มีการบังคับ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจการเดินทางเข้า-ออก ขอยืนยันกับนายกฯ ว่าระบบไบโอเมทริกซ์ (Biometrics) ของ ตม.ยังใช้งานได้ตามปกติ ขณะที่นายกฯสอบถามว่า การสุ่มตรวจแบบนี้จะไม่กระทบเรื่องการท่องเที่ยวใช่หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่รายงานว่า ยืนยันไม่กระทบ
ขณะที่นางนิภาวรรณ ใยบัวเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 1 รายงานสถิติการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมาย ซึ่งล่าสุดวันที่ 23 ก.พ.มีการจับกุมชายไทยอายุ 47 ปี ลักลอบขนธนบัตรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเราใช้วิธีสังเกตและตรวจสัมภาระที่ติดตัวมาจึงพบว่ากระทำผิดกฎหมาย
โดยนายกฯ ยังได้สอบถามถึงเครื่องเอ็กซเรย์ว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่รายงานว่าปัจจุบันมีเครื่องเอ็กซเรย์เพียง 1 เครื่อง อีก 1 เครื่องเสียหากต้องซ่อม ต้องใช้งบประมาณ 1 ล้านบาท จึงคิดว่าซื้อเครื่องใหม่น่าจะเหมาะสมกว่า อยากให้ทางรัฐบาลสนับสนุนเครื่องเอ็กซเรย์จำนวน 4 เครื่อง ราคาเครื่องละ 5 ล้านบาท โดยจะนำไว้ที่ขาเข้าประเทศ 2 เครื่อง และขาออกประเทศ 2 เครื่อง
โดยนายกฯ กล่าวว่า “เครื่องเอ็กซเรย์เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะมีความจำเป็น แต่จะให้ทีเดียวทั้ง 4 เครื่อง คงไม่ได้ แต่จะเป็นการทยอยให้ โดยให้ทำเรื่องเสนอมาที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เราให้ความสำคัญในเรื่องนี้ หากได้เครื่องมาก็จะช่วยเรื่องการตรวจสอบคัดกรองได้เยอะ”
จากนั้นนายกฯ เดินไปยังสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชามายืนอยู่บริเวณประตูพรมแดนเพื่อพบปะและถ่ายรูปกับนายกฯ โดยนายกฯ กล่าวสวัสดีพร้อมสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า เข้าใจภาษาไทยกันหมดใช่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบว่าครับ นายกฯ จึงกล่าวว่า "ขอบคุณนะคะที่ช่วยกัน ฝากด้วยนะคะ จะได้ช่วยกันดูแลทั้งสองประเทศ และฝากทักทายพี่น้องประชาชนฝั่งนั้นด้วย"
ก่อนที่นายกฯ จะเดินไปยังด้านหลังสถานีรถไฟคลองลึก ซึ่งเป็นจุดตัดสายสัญญาณการสื่อสาร อยู่ตรงข้ามตึก 25 ชั้น , ตึก 18 ชั้น และตึกไฮโซ ของปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งตึกดังกล่าวเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดยนายกฯ ได้เดินไปดูจุดที่เป็นสายสัญญาณการสื่อสารพร้อม กล่าวว่า “ ตัดแล้วต้องรื้อออกให้หมดไปเลยจบไปเลย เพราะประชาชนจะไม่เชื่อมั่นว่าตัดแล้วจริงๆ ” นายกฯยังได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่า แล้วเสร็จเมื่อไหร่ ได้วางเวลาไว้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตอบว่า ภายในเดือนมี.ค.นี้
จากนั้นนายกฯ กล่าวด้วยว่าเมื่อตัดจุดนี้แล้วจะมีการตัดเพิ่มอีกใช่หรือไม่ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ยังมีบางสายที่ต้องรอการยืนยันจึงทำให้ช้าอยู่ นายกฯ จึงกล่าวว่า หากสายไหนมีการยืนยันแล้วให้ตัดได้เลย
ขณะเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า การดำเนินงานตัดสายสัญญาณสื่อสารดังกล่าวจะไม่กระทบกับประชาชน และยังมีสายอีกจำนวนหนึ่งที่ยังพาดไปฝั่งกัมพูชา ซึ่งเรายังไม่สามารถดำเนินการรื้อถอนได้ เราจึงใช้วิธีตัดที่ฝั่งเรา และหลังจากนี้จะมีการจัดระเบียบเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า แต่ยังมีเสาสัญญาณสื่อสารที่ต้องลดลงด้วย
จากนั้นนายกฯ ได้เดินไปดูเครื่องตัดสัญญาณสื่อสาร พร้อมสอบถามว่าเครื่องตัดสัญญาณ นี้ เพื่อไม่ให้มีสัญญาณข้ามไปใช่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่รายงานว่าเรามีเครื่อง ซึ่งจะมีสัญญาณสีตามเกณฑ์ที่วางไว้ให้ใช้ ซึ่งของเราใช้สัญญาณโทรศัพท์ได้ไม่เดือดร้อนประชาชน ขณะที่สัญญาณในฝั่งกัมพูชายังแรงอยู่เราต้องขอความร่วมมือ ซึ่งจะได้มีการพูดคุยตามวงรอบทุกๆ 3 เดือน
ทั้งนี้นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันแล้ว นายกฯจึงให้ติดตามต่อเนื่อง ขอให้โทรประสานเพื่อขอให้ลดสัญญาณลง
ขณะเจ้าหน้าที่ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ต้องให้วีไอพีพูดคุยกัน และระบุว่า อยากให้เปลี่ยนจากเสาสัญญาณใหญ่เป็นเสาสัญญาณเล็กกระจายตามจุดต่างๆ เพื่อไม่ให้กระทบประชาชนทั่วไป นายกฯ จึงกล่าวว่า ทราบ แต่ต้องติดตามงานโดยเรียกประชุมและรายงานว่าทำได้หรือไม่ และให้ระวังเรื่องการกระทบกับประชาชนด้วย ไม่อยากให้พี่น้องคนไทยเดือดร้อนไปด้วย เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ทำเรื่องดังกล่าวเยอะ และเจ้าหน้าที่มีหลายหน้าที่ที่ต้องทำตรงนี้ ต้องฝากขอบคุณด้วย รัฐบาลขอบคุณมากในความมั่นคง ความปลอดภัยของคนไทย
ทั้งนี้ก่อนนายกฯ เดินทางกลับได้มีประชาชนมามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ และถือป้ายพร้อมข้อความระบุว่า นายกฯอุ๊งอิ๊งสู้ๆ , ชาวสระแก้วเป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯแพทองธาร สู้สู้, พวกเราชาวสระแก้วยินดีต้อนรับนายกฯแพรทองธาร ,คนสระแก้วรักนายกฯอุ๊งอิ๊ง และชาวสระแก้วพร้อมสนับสนุนนายกฯแพทองธารตลอดไป
ทั้งนี้ในการประชุมหารือประเด็นการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ ที่ร.12 พัน.3 รอ. (ค่ายสุรสิงหนาท) ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว น.ส.แพทองธาร ได้มีข้อสั่งการและมอบนโยบายด้วยว่า ขอให้ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกัน ตอนนี้ส่วนกลางมีการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ (AOC1441) ซึ่งเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขึ้นเพื่อติดตามและรายงานการทำงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบอยู่ตลอดเวลา
และขอกำชับให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ติดตามเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตสัญญาณสื่อสาร รวมทั้งซิมโทรศัพท์ อย่าให้ถูกมิจฉาชีพนำไปใช้หลอกลวงประชาชน รวมถึงตรวจสอบสัญญาณที่จับไปแล้วอย่าให้มีการติดตั้งขึ้นมาใหม่เด็ดขาด และ ขอให้หน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กวดขันการเข้าออกบริเวณแนวชายแดน ป้องกันการลักลอบนำคนหรืออุปกรณ์เข้าออกตามแนวชายแดน โดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ
นายกฯ กล่าวว่า ขอให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่รับผิดชอบประสานงานกับเพื่อนบ้านในกรณีที่มีการส่งกลับทั้งคนไทยและคนต่างชาติโดยเฉพาะผู้ที่ส่งกลับแล้วจะต้องส่งตัวต่อไปยังประเทศที่สาม ขอให้มีความชัดเจนในการส่งตัวกลับไปยังประเทศปลายทางในทันที เพื่อป้องกันการกลับเข้ามากระทำผิดซ้ำในประเทศไทย พร้อมให้เข้มงวดคัดกรองและตรวจสอบบุคคล รวมถึงควบคุมเส้นทางลักลอบเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อกระบวนการอาชญากรรม โดยเฉพาะด่านชายแดนประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา เมียนมา ลาวและมาเลเซีย
และการลงพื้นที่วันนี้ของตนได้เห็นการปฎิบัติหน้าที่อย่างจริงจังและเข้มแข็ง ขอให้ทุกท่านคงความตั้งใจต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านมีส่วนใดติดขัดหรือต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลขอให้ประสานงานมาเพื่อให้การแก้ไขปัญหาครั้งนี้ลุล่วงอย่างเร็วที่สุด