“สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ฟันธง “ทักษิณ” ยังไม่ล้มดีล !
GH News March 01, 2025 08:06 AM

หมายเหตุ : “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับรายการ “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” ออกอากาศทางช่องยูทูบ Siamrathonline เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ภายในรัฐบาลผสม ส่งผลให้คาดการณ์ไปถึงการปรับครม.และการสลับขั้วตั้งรัฐบาลใหม่ มีสาระที่น่าสนใจดังนี้

-ไล่เลียงวาระร้อนๆทางการเมืองจากนี้ไปถึงเดือนมีนาคม หากให้จัดลำดับ 3 ปัจจัยที่จะทำให้การเมืองร้อนแรงมากขึ้น

ถ้าบอกว่าการเมืองร้อน ตอนนี้ก็คงไม่เท่ากับชาวบ้านร้อนใจ ที่ผ่านมาตนเดินทางไปพบชาวบ้านที่ฝั่งจ.นครศรีธรรมราช หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชีวิตความเป็นอยู่ไม่เหมือนเดิม มันฝืดเคือง มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญชาวบ้านรู้สึกว่า เมื่อเขามองไปที่ฟากฝั่งการเมือง มันไม่มีอะไรเพียงพอที่จะให้เป็นความหวังได้ว่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้น นี่คือความร้อนใจของชาวบ้าน

แต่ถ้ามองสถานการณ์ทางการเมือง ผมคิดว่า ปัจจัยที่จะทำให้ร้อนที่สุด หากไล่เลียงกัน และมีจะมีเอฟเฟกต์ต่อรัฐบาลมากที่สุดคือท่าทีของคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนี้เกิดมาจากดีลต่างๆที่มีการพูดกันมายาวนาน และในสารพัดดีลเหล่านี้ คนที่เข้าไปเกี่ยวข้องคือตัวคุณทักษิณ เพราะฉะนั้นบทบาทของคุณทักษิณจะมีผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองสูงสุด

ไม่ว่าจะเป็นในฐานะพ่อนายกฯหรือเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยตามที่ชาวบ้านทั่วไปเข้าใจกัน และบทบาทที่คุณทักษิณ กำลังเล่นอยู่ในเวลานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศ แต่มีบทบาทนานาชาติ แต่ในเชิงการมีสภาพกุมบทบาทการนำ นั้นบ้านจันทร์ส่องหล้า ต้องถือว่าเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นท่าทีของคุณทักษิณจึงเป็นตัวกำหนดว่าสถานการณ์การเมือง จะร้อนขึ้นมากน้อยแค่ไหน

ตอนนี้เมื่อเราพูดถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การปรับครม.ซึ่งอาจจะเกิดก่อนหรือหลังการอภิปรายฯ ยังไม่รู้ได้ แต่ทุกอย่างมันไปโยงอยู่ที่ตัวคุณทักษิณ ว่าจะเอาอย่างไร จะประเมินสภาพรัฐบาลและการเมืองอย่างไร

ดังนั้นผมจัดอันดับให้เรื่องของคุณทักษิณ เป็นเรื่องร้อนที่สุดอันดับหนึ่ง จะทำให้รัฐบาลอยู่รอด หรือไปไม่รอดเลยก็ได้ สามารถเกิดขึ้นได้สองทาง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่าทีของคุณทักษิณ เองนั้นมีผลต่อความรู้สึกคับข้องใจของชาวบ้าน และต่อฝ่ายการเมืองด้วย

ส่วนปัจจัยที่สอง ผมให้น้ำหนักไปที่เรื่องของคดี44 อดีตสส.ก้าวไกล  ที่เคยร่วมกันลงชื่อแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 แม้เรื่องนี้จะไม่ไปถึงขั้นยุบพรรคประชาชน แต่จะส่งผลกระทบต่อไปในอนาคตข้างหน้า ขอใช้คำว่าเกม คือเรื่องของการจัดการพรรคส้ม ซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องกันมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จนมาถึงวันนี้คือพรรคประชาชน

เกมนี้น่าจะส่งผลสองทาง คือ รัฐบาลในปัจจุบัน อาจจะรู้สึกว่ามั่นคงขึ้น เพราะฝ่ายค้านอ่อนแอ แต่ขณะเดียวกัน อาจเกิดความรู้สึกสะสมจากชาวบ้านด้วยว่า พรรคการเมืองที่เขาพอจะฝากความหวังให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เป็นปากเป็นเสียงแทนกลับถูกลดทอนกำลังลง ทำให้ชาวบ้านอาจจะคับข้องใจ

เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการเมืองในอนาคตด้วย สมมติว่าแกนนำพรรคประชาชน โดนตัดสิทธิไปอีกหลายคนก็จะทำให้พรรคอ่อนแอลง แต่ขณะเดียวกันอาจเกิดคะแนนสงสารเทกลับไปหาพรรคประชาชนในอนาคตอีกก็เป็นไปได้ ต้องดูกันต่อ

ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องถือว่าเป็นเรื่องร้อนอันดับ 3 เนื่องจากเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ต่างมีประสบการณ์อยู่แล้ว แต่ที่อาจจะตื่นเต้นคือตัวคุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะถ้าหากยื่นอภิปรายฯก็ถือว่าเป็นครั้งแรก แต่สำหรับตัวนายกฯแพทองธาร เองจริงๆแล้วถูกวิจารณ์นอกสภาฯเยอะมาก อยู่แล้ว แต่ก็ต้องดูว่าประเด็นการอภิปรายฯที่จะถูกหยิบขึ้นมา จะกระทบไปถึงตัวนายกฯแพทองธาร หรือคนในรัฐบาล หรือมีหลักฐานที่เปิดออกมามากน้อยแค่ไหน

- การอภิปรายฯครั้งนี้มีอะไรที่ต้องจับตาหรือไม่  กรณีพรรคประชาชนเอง หลายคนฝากความหวัง แต่ขณะเดียวกันก็มีรายงานข่าวเรื่องดีลลับบรูไน ว่าอาจจะมีการขอกัน แลกเปลี่ยนกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน โดยเว้นบางคน

ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจำได้ก่อนหน้านี้เราเคยพูดกันถึงดีลลับฮ่องกงที่มีข่าวว่าคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไปเจอกับคุณทักษิณ ที่ฮ่องกง ล่าสุดตามมาด้วยเรื่องดีลลับบรูไน  แต่สิ่งที่ผมคิดว่าจะเป็นคำถามในใจคนว่าตกลงพรรคประชาชนยังพร้อมทำหน้าที่ ฝ่ายค้าน ชกเต็มหมัดหรือไม่  เพราะที่ผ่านมาตลอด 2ปีมานี้ผมถือว่าชกไม่เต็มหมัด

การออกมาเคลื่อนไหวในระยะหลัง หลังจากที่ตัวแกนนำพรรค ไปโดนคดีต่างๆ เริ่มออกมาทำหน้าที่มากขึ้นเหมือนเมื่อครั้งที่เป็นพรรคก้าวไกล โดยล่าสุดแกนนำพรรคประชาชน ออกมาทำเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องทุนจีนเทา รวมทั้งเรื่องชั้น 14 ที่รพ.ตำรวจ ซึ่งสังคมจับตา ดังนั้นเที่ยวนี้ พรรคประชาชนเองก็รู้ดีว่านี่คือจุดชี้ขาดตัวหนึ่ง

ต้องยอมรับว่าในช่วงหลังกระแสของพรรคประชาชนเริ่มลดลง โดยดูจากการเลือกตั้ง นายกอบจ.ที่ผ่านมา หรือดูจากโพลต่างๆที่ออกมา เริ่มมีทิศทางที่เป็นขาลงของพรรค ฉะนั้นหากพรรคประชาชนสามารถจับทิศทางได้ในช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะทำให้พรรคต้องฮึดขึ้นมาเพื่อตีตื้นในแง่ ของกระแสนิยมให้มากขึ้น

เมื่อก่อนที่พรรคก้าวไกลเติบโตขึ้นมา ก็มาในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสมัยรัฐบาลลุงตู่ ซึ่งใน4ปีนั้นถือว่าพรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดีมาก และกรณีหลายเรื่องสามารถฝากฝีมือเอาไว้ จนทำให้กระแสของพรรคก้าวไกลขึ้นสูง จนทำให้ได้สส.เป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 แต่เวลาจัดตั้งรัฐบาลก็แพ้ดีลไป อย่างที่เรารู้กัน

ดังนั้นอย่างที่บอกว่าการอภิปรายฯครั้งนี้จะเป็นการวัดฝีมือพรรคประชาชนซึ่งผมเองไม่ได้กังวลเรื่องดีลลับอะไรเลย ซึ่งไม่ว่าจะมีดีลลับหรือไม่ พรรคประชาชนจะต้องคำนึงถึงอนาคตและความนิยมของพรรคตัวเองด้วย

- โอกาสและความเป็นไปได้ ที่พรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล เนื่องจากต่อไปเมื่อสส.ของพรรคประชาชน ถูกสั่งให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯ เสียงข้างมากในสภาฯ ก็จะลดลงไปแล้ว หมายความว่าคุณทักษิณ ต้องมั่นใจแล้วว่าพร้อมจะแตกหักกับภูมิใจไทย

โดยความเชื่อส่วนตัวของผม มองว่าถ้ารัฐบาล ชุดนี้เกิดขึ้นมาจากดีลลับที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้จริง โอกาสที่จะพรรคเพื่อไทยจะเอาใครออกนั้นไม่ง่าย เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ติดดีลลับมาตั้งแต่แรก แต่ถ้าสมมติมีการตัดบางพรรคออก ประเด็นสำคัญจะอยู่ตรงที่ว่านี่คือการล้มดีลหรือไม่ และถ้าหากมีการล้มดีลขึ้นมาจริง สิ่งที่เราเชื่อกันว่า หลักประกันของการดีลกันไม่ว่าจะเป็นอนาคตของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คดีต่างๆของคุณทักษิณหลายคดี ทั้งเรื่องชั้น 14 หรือคดีม.112 หลายฝ่ายมองว่าสิ่งเหล่านี้คือหลักประกันส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้ดีลลับมันล้มลง

ถ้าไปถึงจุดที่เขี่ยพรรคภูมิใจไทยออก ก็แปลว่าทักษิณ ล้มดีล และถ้าเป็นอย่างนั้นคุณทักษิณก็ต้องมั่นใจว่าทุกอย่างเอาอยู่ และถ้าคิดจะทำจริงก็เท่ากับว่า กำลังสร้างศัตรูอย่างพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเชื่อกันว่า พรรคนี้กุมสภาพของสภาสูงไว้ด้วย และสภาสูงเองก็จะไปเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งบุคคลเข้าไปเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ อีกหลายแห่ง ซึ่งจะมีผลต่อนักการเมือง

แต่ในความรู้สึกของผม เชื่อว่าหากทุกคนต่างได้ผลประโยชน์ ต่างแบ่งปันผลประโยชน์กันลงตัว แต่ในภาวะที่การเมืองภาคประชาชนเองต้องถือว่ายังไม่มีพลังมากพอที่จะไปเขย่ารัฐบาลหรือดีลลับเหล่านี้ได้  ผมเชื่อพรรคร่วมรัฐบาลยังอยู่ร่วมกันไป ยังกอดคอกันไปแบบนี้  แต่เมื่อคุณได้ ผมได้ นายทุนที่อยู่ข้างหลังแฮปปี้ ในสภาวะการเมืองแบบนี้ ประกอบกับที่ผ่านมา ฝ่ายค้านเองก็ไม่ได้ชกเต็มหมัด กลุ่มทุนทุกคนแฮปปี้หมด ระดับความร่ำรวยเพิ่มขึ้น แต่สำหรับชาวบ้านไม่ต้องพูดถึง

ดังนั้นด้วยสภาพแบบนี้จึงเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่แตกกัน และถ้าคิดจะแตกหักกันจริง คุณทักษิณ เองก็ต้องมั่นใจว่ามีอะไรดีในมือมากพอที่จะล้มดีล หรือจัดการเรื่องหลักประกันทั้งหลายได้ แต่อย่าลืมว่า มันจะกลายเป็นความท้าทายความรู้สึกของประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ

จริงอยู่ วันนี้คุณอาจจะรู้สึกว่าชาวบ้านทำอะไรไม่ได้หรอก มีบางกลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านเท่านั้น เดี๋ยวก็เงียบกันไป สื่อมวลชนก็ไม่มีใครกล้า แต่คนที่คิดแบบนี้ ที่ผ่านมาหลายต่อหลายครั้ง ในหลายประเทศก็มีคนลุกฮือขึ้นมาถ้ามันมีเงื่อนไขเพียงพอ

ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดกรณีม็อบพันธมิตรฯ ตอนรัฐบาลคุณสมัคร สุนทรเวช หรือสมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์  ไม่เกิดกรณีม็อบเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  โดยในตอนนั้นเงื่อนไขใหญ่คือเรื่องของคุณทักษิณ  หรือแม้แต่กรณีม็อบกปปส.ในปี 2556-2557 สิ่งเหล่านี้ก็ท้าทายกันไป แต่ผมฟันธงเลยว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่แตกกัน ดีลนี้ยังไม่ล้ม

- จากนี้บทบาทของคุณทักษิณ จะออกมามุมไหน ที่ผ่านมาเพิ่งกลับจากบรูไน และลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

บทบาทที่คุณทักษิณ ดำเนินที่ผ่านมา ได้สะท้อนชัดเจนว่าตัวคุณทักษิณ เองคือคีย์แฟคเตอร์ ในรัฐบาลเอง และการที่เอาคุณแพทองธาร มาเป็นนายกฯ ก็มาจากข้อสงสัยของหลายฝ่ายก่อนหน้านี้ว่าทำไม ไม่เป็นคุณชัยเกษม นิติสิริ หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมาด้วยอิทธิฤทธิ์ ของดีลหรืออะไรก็ตาม แต่ทันที ที่เป็นคุณแพทองธาร ทั้งคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ก็ดี คุณทักษิณ ก็ดี หากมีพลังเท่าไหร่ต้องใช้หมด

ทุกวันนี้คุณทักษิณ เป็นเหมือนสายล่อฟ้าที่ออกมารับแทนคุณแพทองธาร และพยายามแสดงบทก้าวร้าว ทั้งในการขึ้นเวทีปราศรัยที่ผ่านมา เพื่อต้องการเป็นเกราะ เป็นการเบนเป้าหมายว่าหากใครต้องการจะโจมตีให้มาที่คุณทักษิณ แต่เซฟลูกตัวเองเอาไว้

เพราะฉะนั้น นับวันผมเชื่อว่าบทบาทของคุณทักษิณจะยิ่งก้าวร้าวมากขึ้น เป็นไปในลักษณะของการมีบทนำมากขึ้น เล่นบทให้เด่นมากขึ้น ล่อเป้ามากขึ้น เพื่อเซฟคุณแพทองธาร เอาไว้ในฐานะที่เป็นลูกคนเล็ก และขณะเดียวกันยังต้องการสะท้อนให้เห็นว่าอำนาจที่แท้จริง ยังอยู่ที่คุณทักษิณ ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทย ที่มาถึงวันนี้ได้ ถ้าไม่มีคุณทักษิณ ทำไม่ได้แน่นอน ตราบใดที่มีทักษิณ พรรคเพื่อไทยยังมีวันนี้

แม้คุณทักษิณ จะต้องเสี่ยงกับเรื่องกระบวนการขั้นตอนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายหรือระเบียบราชการ แต่จะด้วยอิทธิฤทธิ์ หรืออะไรก็ตาม ทำให้ทุกฝ่ายต้องเอาหูไปนา เอาตาไปไร่  แต่ชาวบ้านไม่ได้โง่ขนาดนั้น แต่ชาวบ้านก็ทำอะไรไม่ได้แต่เป็นความสะสมความรู้สึกเอาไว้ในใจ

 

               

               

               

               

               

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.