กลุ่มด้วยใจ เผยสภาพ ‘อุยกูร์’ ถูกขังแออัด ยกเคสอยู่นาน 11 ปีจนเสียชีวิต จี้รัฐปฏิบัติตามหลักสากล – เล่าเบื้องหลังทีมอาสาสมัคร ถูกดำเนินคดี-ลอบสังหาร หลังมาทำงานปกป้องสิทธิ
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม เวลา 13.00 น. ที่ชั้น 3 Slowcombo (สโลว์คอมโบ) สามย่าน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จัดงาน ‘Echoes of Hope ให้กฎหมายทำงาน ให้ความยุติธรรมเป็นจริง: 2 ปี พ.ร.บ.ป้องกันทรมาน-อุ้มหาย’ เพื่อร่วมย้อนเส้นทางตลอด 2 ปี ที่ประเทศไทยมีกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหายฯ ทั้งบทเรียน เรื่องราว หลักการ และความทรงจำ
โดยภาพในงานนอกจากไฮไลต์มี 2 วงเสวนาแล้ว ยังมีกิจกรรมฉายหนังสั้น 2 เรื่อง ได้แก่ สุสานดวงดาว และ ร่างอันตรธาน รวมถึงการแสดง Performance Art จากกลุ่มลานยิ้มการละคร อีกด้วย
เวลา 14.00 น. เข้าสู่วงเสวนาแรก ‘ข้อเสนอแนะ ความพร้อม ข้อท้าทายของไทย ต่อสถานการณ์การทรมานฯ’ นำโดย น.ส.สัณหวรรณ ศรีสด คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ), นายชนาธิป ตติยการุณวงศ์ นักวิจัยประจำประเทศไทย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล, น.ส.อัญชนา หีมมิหน๊ะ กลุ่มด้วยใจ, น.ส.นรีลักษณ์ แพไชยภูมิ ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และดำเนินรายการโดย เพชรรัตน์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล
โดยภาพในงานนอกจากไฮไลต์มี 2 วงเสวนาแล้ว ยังมีกิจกรรมฉายหนังสั้น 2 เรื่อง ได้แก่ สุสานดวงดาว และ ร่างอันตรธาน รวมถึงการแสดง Performance Art จากกลุ่มลานยิ้มการละคร อีกด้วย
ในตอนหนึ่ง น.ส.อัญชนา หีมมิหน๊ะ กลุ่มด้วยใจเพื่อการช่วยเหลือด้านมุษยธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 2 ปี ของการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันทรมาน-อุ้มหาย แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ทางรัฐบาล ทำให้เราเห็นว่า การบังคับใช้พ.ร.บ.นี้ มันถูกทำลายโดยกลไกของรัฐบาลลงอย่างชิ้นเชิง จากกรณีอุยกูร์ที่หลายคนก็ได้ติดตามเรื่องนี้
“มันทำให้เราทราบถึงกระบวนการบังคับใช้ตั้งแต่ การที่มีคนไปติดตามการเปลี่ยนสถานที่ ซึ่งอันนี้มันต้องไปแจ้งที่อัยการ หรือ ฝ่ายปกครองโดยทันที มันเลยทำให้เรารู้ว่า พ.ร.บ.ป้องกันทรมาน มันยังไม่ทั่วถึงและยังไม่สามารถป้องกันได้” น.ส.อัญชนาเผย
น.ส.อัญชนา กล่าวอีกว่า ในส่วนของคณะกรรมการที่พูดถึงเรื่อง พ.ร.บ.ป้องกันทรมาน-อุ้มหายของไทย มีด้วยกันอยู่หลายประเด็น เช่น กรณีประหารชีวิต โดยเฉพาะคดียาเสพติด แต่ตามจริงแล้วในชายแดนภาคใต้ระยะ 5-6 ปี มีผู้ที่ถูกตัดสินประหารชีวิตจำนวน 16 คน จาก 5 กรณี มันทำให้เห็นแนวโน้มว่า โทษประหาร มันถูกใช้มากขึ้น โดยเฉพาะคดีความมั่นคง
“แล้วเรื่องการเสียชีวิตในระหว่างการคุมขัง ซึ่งจะมี 2 ส่วน คือ 1. การคุมขังในเรือนจำระหว่างการรอพิจารณาคดี กรณีของ บุ้ง เนติพร เสน่ห์สังคม และในกรณีที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ การคุมขังกรณีพิเศษ เช่น ทหาร ตำรวจ โดยกฎหมายพิเศษ ซึ่งเป็นกรณีที่น่ากังวลใจในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เราเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างโปร่งใส สำหรับทุกคนที่เข้าไปสู่กระบวนการนี้” น.ส.อัญชนาเผย
น.ส.อัญชนา กล่าวว่า คณะกรรมการเกิดความกังวล ในเรื่องของกฎหมายในการบังคับใช้จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เอื้อให้เกิดความเสี่ยงต่อการกระทำกรมานและอุ้มหาย อย่างกฎหมายพิเศษ กฎอัยการศึก สามาถควบคุมได้ 7 วัน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สามารถควบคุมตัวได้ไม่เกิน 30 วัน ซึ่งเวลาเหล่านี้ เป็นช่วงที่เข้าไม่ถึงทนายความ ญาติ หรือ กสม.อย่างโปร่งใส
“คณะกรรมการเชื่อว่ามีการทรมานกิดขึ้นจริง และมีประเด็นปัญหาเรื่องของการบังคับรับสารภาพ หรือ ข้อมูลที่ได้จากการกระทำทรมานไปในชั้นศาล ซึ่งนอกเหนือจากปัญหาการควบคุมตัวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของสถานที่ควบคุมตัว ซึ่งในประเทศไทยก็มีส่วนทั้งในทัณฑสถาน และสถานที่กักกันของผู้ลี้ภัย
ซึ่งพบว่า คณะกรรมการกังวลเรื่องสภาพแออัด การดูแลสุขภาพ ผู้หญิงมีความต้องการมากขึ้น แล้วผู้หญิงที่ถูกควบคุมอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี จะไม่ได้รับการเข้าถึงผ้าอนามัย ชุดชั้นใน การดูแลสุขภาพในการตั้งครรภ์ หรือ การดูแลบุตรในท้องในระหว่างการควบคุมตัว คณะกรรมการแนะนำให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดแมนดาลา โตเกียว และกรุงเทพ” น.ส.อัญชนาระบุ
น.ส.อัญชนา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องสถานที่กักกันคนเข้าเมือง ซึ่งความแออัดเป็นประเด็นปัญหา โดยมีผู้เสียชีวิตในระหว่างการกักกันอย่าง ชาวอุยกูร์ ก็มีเสียชีวิตในระหว่างการกักกันที่ยาวนานถึง 11 ปี แล้วก็ยังมีสภาพที่ไม่สามารถเข้าถึงอากาศที่เหมาะสม มีความแออัด และปัญหาเรื่องอาหาร จนทำให้เสียชีวิต
“แล้วที่สำคัญ คือ เขาเข้าไม่ถึงกฎหมายที่จะช่วยให้เขา ใช้ชีวิตต่อไปในวันข้างหน้าได้ หรือ กลับไปยังประเทศของเขาได้ ซึ่งข้อแนะนำของคณะกรรมการก็เลยจะแนะนำให้มีการใช้มาตรการกักตัว เป็นมาตรการสุดท้าย และระบบเงื่อนไขควรจะได้มาตรฐานสากล ทั้งการติดต่อ database หรืออะไรต่อมิอะไร มันควรจะเป็นระบบมาตรฐาน เพราะมันจะเชื่อมโยงกันระหว่างประเทศด้วย ในกรณีผู้ล้ภัยและหลบหนีทางการเมือง” น.ส.อัญชนาชี้
น.ส.อัญชนา กล่าวว่า ผู้ลี้ภัยควรเข้าถึง สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กสม.ได้ ดังที่เราเห็นว่า กสม. ออกมาบอกถึงว่า เข้าไม่ถึงการตรวจดูสภาพของอุยกูร์ในสถานที่กักกัน แล้วก็ควรให้สัตยาบันในกรณีของผู้ลี้ภัย
“ประเด็นที่สำคัญ คือ คณะกรรมการให้คำแนะนำ 1.ยุติการใช้กฎหมายพิเศษ 2. ปิดสถานที่ควบคุมตัวพิเศษ 3. เจ้าหน้าที่จะต้องฝึกอบรมในการสอบสวน โดยไม่ใช้วิธีทรมาน 4. ให้สิทธิในการพบญาติและทนายอย่างโปร่งใส ซึ่งในกรณีของกฎอัยการศึกก็จะต้องรายงานต่อผู้พิพากษา แต่โดยส่วนจะเป็น video conference หรือ เอกสาร ให้ศาลและญาติเข้าถึงสิทธิตรงนี้ได้
ประเด็น human rights defenders คือ ผู้ที่ทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเสี่ยงที่จะถูกคุกคาม ตั้งแต่การติตามไปที่บ้าน หรือ การคุกคามในโซเชียลมีเดียออนไลน์ และการดำเนินคดี ซึ่งมีนักปกป้องสิทธิถูกดำเนินคดีพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 18 คน ประชาชน 1 คน รวมถึงดิฉันด้วย คือ คดีน้ำประปา ประเด็นสุดท้าย คือ อาสาสมัครของกลุ่มด้วยใจ ถูกลอบสังหารและชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว” น.ส.อัญชนากล่าว
ต่อมาเวลา 15.00 น. มีการฉายหนังสั้นเรื่อง ‘สุสานดวงดาว’ ต่อด้วยเรื่องที่สอง ‘ร่างอันตรธาน’ โดยมีผู้สร้างภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง ได้แก่ ทินฉาย มนต์ และ เปาเรศ อุดมพัฒนกิจ ร่วมพูดคุย