พบผู้ครอบครองที่ดินป่าสงวนฯก่อนเปลี่ยนมือถึงทุนจีนเป็นคนนอกพื้นที่เกือบทั้งหมด
พบข้อมูลตามรายงานการชี้แจง กมธ.สิ่งแวดล้อมวุฒิสภาลงพื้นที่ตรวจสวนทุเรียนทุนจีนที่ท่าตะเกียบเมื่อวานนี้ ผู้ครอบครองที่ดินก่อนเปลี่ยนมือถึงทุนจีนปลูกทุเรียนกว่า 10 รายเป็นคนจากนอกพื้นที่เกือบทั้งหมด แฉพบการถูกนำชื่อสวมจากบริษัทก่อนหน้าเข้าร่วมโครงการ คทช. พร้อมให้เวลาผู้ครอบครอง 10 วันเข้ามาชี้แจงระบุตำแหน่งที่ดิน
วันที่ 1 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา ซึ่งนำโดยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการ ได้ลงพื้นที่เข้ามาดูยังในแปลงปลูกทุเรียนทุนจีนที่ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้พบข้อมูลตามการรายงานของ นายชัยนันท์ อิ่มเจริญ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ฉช.3 หนองคอก ต่อทางคณะกรรมาธิการว่าพื้นที่แปลงปลูกทุเรียนตามเอกสาร ภบท.5 ที่บริษัทเอกชนหรือทุนจีนดังกล่าวที่เข้ามายื่นเสียภาษีต่อทาง อบต.คลองตะเกรา จำนวน 688 ไร่ 2 งาน 24 ตรว.คาบเกี่ยวระหว่างหมู่ที่ 14 บ้านเขากล้วยไม้จำนวน 476 ไร่ 2 งาน 99 ตรว. และหมู่ที่ 20 บ้านห้วยนา ต.คลองตะเกรา จำนวน 205 ไร่ 3 งาน 38 ตรว.
โดยพบว่าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่กลายเป็นสวนทุเรียนนับตั้งแต่ปี 2566 และพบว่าเป็นที่ดินของประชาชนตามรายชื่อที่ตรวจสอบและมีร่องรอยทำกินก่อนปี 2557 อยู่ในโครงการ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) ฉะเชิงเทรา จำนวน 14 รายนั้น ผู้ที่มีชื่อถือครองไม่ใช่ชาว จ.ฉะเชิงเทรา จำนวนมากถึง 10 ราย แต่เป็นคนนอกพื้นที่จาก จ.ตราด 5-6 ราย และ จ.จันทบุรี 4 ราย โดยมีประชาชนในพื้นที่จริงเพียง 3-4 รายเท่านั้น
หลังการตรวจสอบด้วยการทำหนังสือแจ้งไปยังตามรายชื่อที่ตรวจพบ เพื่อให้มานำชี้แปลงที่ดินหรือชี้แจงกับทางหน่วย ได้รับการติดต่อกลับมาจากบุคคลผู้มีรายชื่อจำนวน 2 รายว่า ไม่เคยถือครองหรือเข้ามาทำกินอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาก่อนเลย และไม่ทราบว่ามีที่ดินได้อย่างไร แต่ยอมรับว่าเคยทำงานกับบริษัทผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์แห่งหนึ่ง ที่ขายที่ดินต่อให้แก่บริษัททุนจีนที่เข้ามาปลูกทุเรียนดังกล่าว ซึ่งถือว่าผิดไปจากแนวทางของ คทช. ที่จะต้องเป็นคนในพื้นที่ และเป็นผู้ยากไร้ จึงเข้าใจได้ว่าบริษัทผู้ผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์น่าจะนำรายชื่อของบุคคลเหล่านี้มาลงทะเบียนไว้ เพื่อจะได้พื้นที่ที่ตนเองได้เคยทำไว้
โดยได้ให้ระยะเวลาผู้ที่มีรายชื่อหลังจากที่ได้รับจดหมายเข้ามาชี้แจงหรือนำชี้ภายใน 10 วัน หากชี้แจงไม่ได้ หรือละเลยไม่มาตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน จะถือว่าเขาสละสิทธิและ ไม่ได้เป็นผู้มาทำกินจริง ซึ่งจะต้องรอถึงในช่วงสัปดาห์หน้า หากไม่มาจะถือว่าไม่ใช่ผู้ถือครองที่ดินที่แท้จริง และน่าจะเป็นการแอบแฝงมากกว่า ส่วนเจ้าของบริษัทที่เข้ามาปลูกทุเรียนนั้น พบข้อมูลว่าเป็นคนจีนเชื้อสายทางด้านมารดาเป็นชาวสิงคโปร์แต่มีบิดาเป็นคนไทย โดยมีชื่อเป็นผู้บริหารจำนวน 2 คน และเป็นหญิงชาวไทย 1 คน