ปี 2567 นับเป็นอีกปีที่เศรษฐกิจเผชิญกับความท้าทายในหลากหลายด้าน ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันภัย ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในยุคปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว “กลุ่มอลิอันซ์” บริษัทประกันภัยระดับโลก ยังคงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2567 กลุ่มอลิอันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต (AZAY) และ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย (AAGI) ได้รายงานผลประกอบการปี 2567 ออกมาเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.2568) ที่ผ่านมา
มีรายได้รวม 1.8 แสนล้านยูโร เติบโต 11% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) เมื่อปรับมูลค่าจากอัตราแลกเปลี่ยนและการควบรวมกิจการ โดยกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโต ควบคู่ไปกับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธุรกิจประกันวินาศภัย
ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานแตะระดับ 1.6 หมื่นล้านยูโร เติบโต 9% จากปี 2566 ได้รับแรงสนับสนุนจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยสัดส่วนกำไรประมาณ 23% มาจากธุรกิจในทวีปเอเชียแปซิฟิก และประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีส่วนสำคัญช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของกลุ่มอลิอันซ์
มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต (AZAY) เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทสามารถสร้างเบี้ยประกันชีวิตรับรวม (GWP) อยู่ที่ 3.93 หมื่นล้านบาท เติบโต 8% YOY ถือเป็นการเติบโตถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโตแค่ 3.23% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) อยู่ที่ 8.4 พันล้านบาท เติบโต 14% ขณะที่ตลาดโต 3.28% สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงของธุรกิจประกันชีวิต แม้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจชะลอตัว
โดยการเติบโตดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากเบี้ยช่องทางตัวแทนที่ขยายตัว 17% เบี้ยรับแตะ 3.8 พันล้านบาท ขณะที่ตลาดโต 6% โดยบริษัทสามารถรีครูตตัวแทนใหม่ได้สูงถึง 10,647 ราย เพิ่มขึ้น 14% YOY เป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมฯ และช่องทางธนาคารที่เติบโตถึง 27% แตะ 3.1 พันล้านบาท ขณะที่ตลาดโต 12% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพันธมิตรหลักอย่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งสามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนช่องทางตลาดแบบตรงและประกันสุขภาพกลุ่ม มีเบี้ยรับค่อนข้างทรงตัวอยู่ที่ 1 พันล้านบาท และ 200 ล้านบาท (ตามลำดับ) โดยช่องทางตลาดแบบตรงเจอความท้าทายจากกฎหมาย PDPA เกี่ยวกับเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล และผลกระทบจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำให้คนไม่กล้ารับโทรศัพท์ ส่วนพอร์ตประกันสุขภาพกลุ่มมีความท้าทายจากอัตราการเติบโตของเคลมสุขภาพสูงขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ทำให้ปี 2567 เป็นปีที่บริษัทใช้นโยบายระมัดระวังและเข้มงวดในการรับประกันลูกค้า
“ปีที่แล้ว อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ถือว่าเราเติบโตเป็น 2 เท่าของตลาด ในภาวะที่มีความท้าทายสูง และเรามีนโยบายที่บริหารความเสี่ยงอย่างชัดเจน ทำให้ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” มร.โทมัส วิลสัน กล่าว
มร.โทมัส วิลสัน กล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายในปี 2568 บริษัทได้ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมจะเติบโตขึ้น 10% แตะระดับ 4.3 หมื่นล้านบาท มาพอร์ตเบี้ยประกันสุขภาพ เติบโต 9% แตะ 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าเบี้ยรับปีแรก จะเติบโต 10% แตะ 9.1 พันล้านบาท โดยมาจากเบี้ยรับ 1. ช่องทางตัวแทน 4.2 พันล้านบาท เติบโต 12% ผ่านกลยุทธ์มุ่งสร้างตัวแทนมืออาชีพเต็มเวลาผ่านโครงการ Blue Star และ Blue Star X คาดหวังการโตขึ้นของจำนวนตัวแทนมากกว่า 2-3 เท่า ปีนี้ตั้งเป้ารีครูตตัวแทนใหม่อีก 1 หมื่นคน
2. ช่องทางธนาคาร 3.2 พันล้านบาท เติบโต 5% โดยยังคงทำงานร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาในการนำเสนอประกันทั้งการออม การลงทุน และการคุ้มครองสุขภาพ พร้อมพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกแผนประกัน จัดการกรมธรรม์ และเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้สะดวกยิ่งขึ้น 3. ช่องทางตลาดแบบตรง 1.4 พันล้านบาท เติบโต 10% และ 4 ประกันสุขภาพกลุ่ม 100 ล้านบาท
มร. ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย (AAGI) กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท เติบโต 7% YOY เทียบกับตลาดโตแค่ 0.5% โดยมีการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจคือ 1. ประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ (A&H) เติบโตสูงถึง 9% เบี้ยแตะ 3.9 พันล้านบาท ขณะที่ตลาดโตแค่ 1.2% 2. ประกันภัยรถยนต์เติบโต 4% เบี้ยแตะ 3.4 พันล้านบาท ในขณะที่ตลาดติดลบ 2% โดยถูกกดดันจากยอดขายรถยนต์หดตัวมาก และ 3. ประกันวินาศภัยอื่น (Non-Motor) เติบโต 7% แตะ 3.6 พันล้านบาท ขณะที่ตลาดโต 0.6%
โดยการเติบโตดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากเบี้ยช่องทางพาร์ตเนอร์ชิป เติบโต 15% ช่องทางลูกค้าองค์กร เติบโต 3% ส่วนช่องทางประกันสุขภาพ เติบโต 6% ในขณะที่ช่องทางตัวแทนนายหน้า ติดลบไป 1% สาเหตุเพราะปีที่แล้วบริษัทได้มีการเคลียร์พอร์ตเพื่อจัดสรรให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และปี 2568 จะกลับมาลุยตลาดใหม่
“ปีที่แล้ว อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ถือว่าโตเร็วกว่าตลาด และโตได้อย่างมั่นคง เพราะเรามีพอร์ตธุรกิจที่มีความสมดุลระหว่างกัน ทำให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ“ มร. ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กล่าว
มร. ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายในปี 2568 บริษัทได้ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมจะเติบโตขึ้น 12% แตะระดับ 1.2 หมื่นล้านบาท มาจากเบี้ยประกันรถยนต์ เติบโต 7-8% ประกันน็อนมอเตอร์ เติบโต 15% และประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ เติบโต 12% โดยตั้งเป้าเบี้ยช่องทางขายผ่านตัวแทนนายหน้า จะเติบโต 12%
โดยบริษัทจะขยายขีดความสามารถด้วยกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1. การกระจายพอร์ตผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งขยายโอกาสธุรกิจที่มากไปกว่าประกันรถยนต์ ซึ่งจะเน้นไปที่ประกันสุขภาพ การคุ้มครองความเสี่ยงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) และการคุ้มครองบ้านและทรัพย์สินอื่น ๆ โดยเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูง พร้อมเพิ่มโซลูชันที่ตอบโจทย์สุรกิจรายย่อยและองค์กร
2. การเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่าย โดยมุ่งเสริมศักยภาพของทั้งโบรกเกอร์ และตัวแทนประกันรถยนต์เดิมให้มีความสามารถแนะนำประกันภัยชนิดอื่น ๆ ให้กับลูกค้าได้ด้วย เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และ 3. ขยายธุรกิจประกันภัยเชิงพาณิชย์ Allianz Commercial ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้บริการประกันภัยที่ครอบคลุมสำหรับภาคธุรกิจขนาดใหญ่และกลุ่มองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มประกันภัยทรัพย์สิน วิศวกรรม การขนส่ง และความรับผิดทางกฎหมาย
“เราเชื่อว่าการเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และ ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดประกันภัยไทยในอนาคต”
นอกจากนี้ในด้านของภาพรวมธุรกิจ อลิอันซ์ อยุธยา จะเดินหน้าธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ One AllianzAyudhya มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านประกันภัยแบบครบวงจรที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติครอบคลุมทั้งประกันชีวิต สุขภาพ รถยนต์ ทรัพย์สิน ธุรกิจ SME การเดินทาง และประกันภัยเชิงพาณิชย์
โดยลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้นผ่านกลยุทธ์การขายต่อเนื่อง (upsell) และการขายผลิตภัณฑ์เสริม (cross-sell) และด้วยโครงสร้างที่ผสานความร่วมมือระหว่างหน่วยธุรกิจต่าง ๆ อลิอันซ์ อยุธยา สามารถให้บริการที่ไร้รอยต่อ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าและพันธมิตรมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
อาทิ เช่น ในธุรกิจประกันสุขภาพ โดยมีการพัฒนาระบบการดูแลลูกค้า ได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การป้องกัน, ก่อนเข้ารับการรักษา ช่วงระหว่างการรักษา จนถึงดูแลฟื้นฟูหลังการรักษาพยาบาล โดยปัจจุบัน อลิอันซ์ อยุธยา มีเครือข่ายโรงพยาบาลมากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ เรายังใช้ความแข็งแกร่งจากการเป็นผู้ให้บริการประกันสุขภาพอันดับ 2 ของประเทศ เพื่อขยายตลาดและตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะบริษัทประกันภัยที่เข้าใจและพร้อมดูแลลูกค้าอย่างครบวงจรในประเทศไทย