เมื่อวันที่ 4 มี.ค.68 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 2/2568 ว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าผลไม้ส่งออกของประเทศไทย ในกลุ่มสินค้าเกษตร 3 ชนิด ประกอบด้วย 1.ทุเรียน 2.ลำไย และ 3.มะม่วง ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ประกาศใช้มาตรการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าผลไม้ เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติให้แก่เกษตรกร และผู้ประกอบการในการรักษามาตรฐานความปลอดภัยในสินค้าเกษตรส่งออก อาทิ มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันในกระบวนการผลิต มาตรการตรวจสอบสารเคมีตกค้างและศัตรูพืช ให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ประเทศคู่ค้ากำหนด ตลอดจนมาตรการ Big Cleaning เพื่อป้องกันการปนเปื้อนสารเคมีในสินค้าทุเรียน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
“ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ผลไม้ไทยใกล้จะออกผลผลิต และเตรียมจำหน่ายสู่ตลาด ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการติดตามสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมในการเจรจาเปิดตลาดใหม่เพิ่มเติมอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผลผลิตของเกษตร และลดผลกระทบจากการกระจุกตัวของสินค้าเกษตร สำหรับสินค้าทุเรียน ปัจจุบันเรามีห้องปฏิบัติการทดสอบสาร BY2 แล้วจำนวน 13 ห้อง โดยจะสามารถทดสอบตัวอย่างได้วันละ 3,000 ตัวอย่าง ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับปริมาณทุเรียนที่จะต้องตรวจก่อนส่งออก ในส่วนของลำไย ได้มีการเจรจาเปิดตลาดการส่งออกผลลำไยสดไปยังประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดของสินค้าเกษตรไทยเพิ่มเติม ทั้งนี้ได้กำชับทุกภาคส่วนให้ทำตามมาตรการที่กำหนดเพื่อรักษามาตรฐานและยกระดับสินค้าเกษตรไทยอย่างเคร่งครัด” ศ.ดร.นฤมล กล่าว
ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากภารกิจด้านการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ แล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังให้ความสำคัญทางด้านวิชาการในการศึกษาและวิจัยเพื่อพัฒนาสายพันธุ์พืชมูลค่าเกษตรสูง เพื่อให้เกษตรกรมีต้นพันธุ์ที่มีความแข็งแรง ต้านทานโรค และยกระดับคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร
สำหรับสถานการณ์การผลิตและข้อมูลพยากรณ์ไม้ผลภาคตะวันออก ปี 2568 ประกอบด้วย ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง พบว่า มีแนวโน้มผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของไม้ผล ในขณะที่สถานการณ์ประมาณการไม้ผลภาคเหนือ ปี 2568 พบว่า ผลผลิตลำไยภาคเหนือจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนสิงหาคม ประมาณร้อยละ 38.63 และผลผลิตลิ้นจี่ภาคเหนือจะออกสู่ตลาดมากในเดือนพฤษภาคม ประมาณร้อยละ 60.80