หากพูดถึงเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา คงต้องยกให้ “เส้นทางเขาใหญ่-วังน้ำเขียว” ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดของไทย ด้วยภูมิประเทศที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงสลับซับซ้อน และป่าไม้เขียวขจีสุดลูกหูลูกตา นักเดินทางที่มาเยือนจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยโอโซนจากธรรมชาติอย่างเต็มปอด ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่หลายคนหลงรัก
ด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และอากาศที่เย็นสบายตลอดปี เส้นทางเขาใหญ่-วังน้ำเขียวจึงเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย แต่หนึ่งในไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้คือ การเยี่ยมชมไร่องุ่น พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งปลูกองุ่นชั้นดี มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นำมาใช้ในการผลิตไวน์จนได้รสชาติที่เอกลักษณ์ คุณภาพเยี่ยม จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น สินค้า GI (Geographical Indication) หรือสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สินค้า GI ของจังหวัดนครราชสีมา
ไร่องุ่นแห่งแรกที่เรามีโอกาสไปเยือนคือ “วิลเลจ ฟาร์ม ไวน์เนอรี่” (Village Farm Winery) ไร่องุ่นชื่อดังแห่งวังน้ำเขียว ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวในสไตล์คันทรี-คาวบอยสุดคลาสสิก ท่ามกลางบรรยากาศชนบทกับไร่องุ่นกว่า 60 ไร่ ที่ทอดตัวไปสุดสายตา คุณวีรวัฒน์ ชลวนิช ผู้ก่อตั้งวิลเลจ ฟาร์ม ไวน์เนอรี่ ชายสูงวัยผู้มีท่าทางกระฉับกระเฉง และยิ้มแย้มแจ่มใส ได้ออกมาต้อนรับพร้อมกับเชื้อเชิญให้เดินชมไร่องุ่นและแบ่งปันเรื่องราวประวัติของไร่ที่เริ่มต้นผลิตไวน์ตั้งแต่ปี 2543 เพราะเขามีพื้นที่ในการทำสวนและปลูกองุ่นทานทั่วไป แต่ได้รับคำแนะนำจากเจ้าของไร่องุ่นที่ทำไวน์ จึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนมาปลูกองุ่นสำหรับผลิตไวน์ โดยเลือกพันธุ์ ชีราส เป็นหลัก เนื่องจากสภาพพื้นที่ที่ลาดเอียงและอากาศที่ร้อนในตอนกลางวันและเย็นในตอนกลางคืนเหมาะสมกับการปลูกพันธุ์นี้ ทำให้ได้ไวน์ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ แบบสไตล์แบบโลกเก่าที่สะท้อนถึงรสชาติประวัติศาสตร์ของประเทศที่มีการทำไวน์มาอย่างยาวนาน เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี และกรีซ
ไวน์ของที่นี่ยังได้ ไวน์เมกเกอร์ฝรั่งเศส มาช่วยในการผลิต เพื่อให้ได้รสชาติที่สมบูรณ์แบบ ปัจจุบันมี ไวน์แดง 4 ตัว และ ไวน์ขาว 2 ตัว ให้เลือกชิมและช้อปด้วย เราเดินมาชมโรงบ่มไวน์ ที่มีถังบ่มไวน์ขนาดใหญ่ และเครื่องที่ใช้ในการคัดองุ่น ถูกจัดเรียงเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตไวน์ในปีนี้ เดินมาก็จะพบกับไร่องุ่นที่กำลังออกผลเต็มต้นรอเก็บเกี่ยว ตรงข้ามกับไร่องุ่นก็จะเป็นโซนที่พักท่ามกลางธรรมชาติจำนวน 12 ห้อง และร้านอาหาร ที่จะเปิดเฉพาะช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ พร้อมฟังดนตรีสดที่ร้านอาหารได้ในวันเสาร์-อาทิตย์ และห้ามพลาดกับเทศกาลเก็บเกี่ยว ในวันที่ 8 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป เพลิดเพลินกับการเก็บเกี่ยวองุ่นยามค่ำคืน ท่ามกลางเสียงเพลงหวานละมุน พร้อมทั้งรับประทานอาหารและไวน์ในบรรยากาศโรแมนติก
จากวังน้ำเขียว ไปกันที่เขาใหญ่ เป็นอีกแห่งที่มีไร่องุ่นชื่อดัง เรามาถึง ไร่องุ่นพีบี วัลเล่ย์ เขาใหญ่ ไวน์เนอรี่ (PB Valley Khaoyai Winery) ที่นี่จะมีบริการทัวร์องุ่นให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับบรรยากาศและไร่องุ่นอย่างใกล้ชิด ใน 3 จุด ไม่รอช้าเราและเพื่อนร่วมทริปขึ้นไปนั่งบนรางทันที เมื่อรถรางเคลื่อนเสียงหญิงสาวหัวหน้าทัวร์ก็เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของไร่แห่งนี้ที่มีเจ้าของคือ คุณปิยะ ภิรมย์ภักดี โดยใช้ชื่อแบรนด์ไวน์ว่า PB ซึ่งเป็นอักษรย่อของชื่อเจ้าของไร่แห่งนี้ ตลอดการนั่งรถรางผ่านไร่องุ่นที่กว้างขวาง เราได้เห็นต้นองุ่นที่ปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบบนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ล้อมรอบด้วยภูเขาและอากาศเย็นสบาย ทำให้สภาพอากาศที่นี่เหมาะสมกับการปลูกองุ่นอย่างมาก
สำหรับองุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์จะปลูกประมาณ 4 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ ชีราส, เทรมานินโญ่, เชอนิน บลองก์, และ โคลอมบาร์ด ส่วนองุ่นที่ทานก็มี 2 สายพันธุ์คือ มารูซีดเลสส์ และแบล็คควีน องุ่นสายพันธุ์ต่างๆ ที่ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้ไวน์ที่มีรสชาติอันยอดเยี่ยม รถรางเคลื่อนตัวมาจอดที่จุดแรก เป็นแปลงองุ่นที่ทานได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกิจกรรมการเก็บองุ่นด้วยตัวเอง และสามารถทานสดๆได้เลย ไปต่อกันที่จุดที่ 2 โรงงานผลิตไวน์ โดยมี คุณพลอย-ณิชกานต์ สายะสิทธิ์ ไวน์เมกเกอร์ไทยแท้ของไร่แห่งนี้ ได้นำชมตั้งแต่จุดเริ่มต้นการคัดแยกองุ่นที่เก็บเกี่ยวมาได้ ไปจนถึงขั้นตอนการบ่มและหมัก ที่มีระยะเวลาเป็นหัวใจสำคัญเพื่อให้ได้รสชาติไวน์ที่มีคุณภาพ มาถึงห้องที่มีถังบ่มไวน์ทั้งแบบสแตนเลส และไม้โอ๊คที่ดัดแปลงให้มีขนาดใหญ่
ที่น่าสนใจคือยังมีห้องที่ใช้ ถังไม้โอ๊ค สำหรับบ่มไวน์แบบดั้งเดิม ทำให้เราได้สัมผัสกับอารยธรรมการบ่มไวน์แบบโบราณที่สะท้อนถึงวิธีการทำไวน์ที่มีมาอย่างยาวนาน ในจุดที่ 3 โปรแกรมสุดท้ายของการทัวร์คือ ไวน์เทสติ้ง ที่หลายคนรอคอยที่ลิ้มรสชาติไวน์ในสไตล์ของพีบี วัลเล่ย์ โดยบจะมีให้ชิมทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว และไวน์โรเซ่ จากการเยี่ยมชมตั้งแต่ต้นองุ่น การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงกระบวนการผลิต บอกเลยว่ายิ่งทำให้คนที่เลิฟเวอร์ไวน์มากๆ ได้ดื่มด่ำรสชาติที่มีเอกลักษณ์อร่อยยิ่งขึ้นแน่นอน
มาถึงไร่สุดท้ายที่ ไร่องุ่นกราน-มอนเต้ (GranMonte Vineyard and Winery) ในเขาใหญ่ ที่นี่เป็นไร่องุ่นขนาดใหญ่ กว่า 100 ไร่ ปลูกองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ ทั้ง ชีราช , เทมปรานิลโย และ การ์แบร์เนต์ โซวีนยอง ที่ใช้ทำไวน์แดง ส่วนสายพันธุ์ เชอแนง บลอง นั้นถูกนำไปผลิตไวน์ขาวรสละมุน นอกจากนี้ยังมีองุ่นสำหรับทานสด ทั้งแบบมีเมล็ดและไร้เมล็ดให้ได้ลองชิมกันอีกด้วย
เราเริ่มต้นทัวร์ด้วยการ นั่งรถรางชมไร่องุ่น ท่ามกลางแปลงองุ่นที่ปลูกเป็นแถวเป็นแนวทอดยาวสุดสายตา องุ่นสีม่วงเข้มลูกโต จนอดใจไม่ไหวที่จะได้เก็บเกี่ยว ซึ่งที่ให้เราได้รับบทเป็นคนเก็บเกี่ยวผลองุ่นจากต้นเช่นกัน หลังจากเดินเล่นและถ่ายรูปกันจนหนำใจ เราก็ได้มาชมโรงงานผลิตไวน์ที่มีการบ่มเฉพาะของไร่กราน-มอนเต้ และมาถึงช่วงเวลาของการชิมไวน์ ทั้งไวน์แดงที่เข้มข้น และไวน์ขาวที่หอมละมุน บอกเลยว่าใครชอบดื่มไวน์ต้องห้ามพลาด
เส้นทางของการชมไร่องุ่นของทั้ง 3 ไร่ ในจ.นครราชสีมา ที่ไม่ใช่เพียงแหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการส่งเสริมรายได้และอาชีพให้กับชาวบ้านในการเข้ามาเป็นหนึ่งของการผลิตไวน์สินค้า GI ที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังเคยได้รับรางวัล Thailand Tourism Awards โดยไร่องุ่นพีบี วัลเล่ย์ เขาใหญ่ ไวน์เนอรี่ รางวัล Silver Award และ ไร่องุ่นกราน-มอนเต้ รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยว สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ อีกด้วย