DITP บูรณาการ 4 หน่วยงานพันธมิตร กระทรวงวัฒนธรรม กรมการท่องเที่ยว และ สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA) เร่งผลักดันธุรกิจบันเทิงโตต่อเนื่องในตลาดโลก ลุยนำทัพผู้ประกอบการไทย 37 บริษัท บุกงาน Hong Kong International Film & TV Market 2025 (FILMART) ตลาดซื้อขายคอนเทนต์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ระหว่างวันที่ 17 - 20  มีนาคม 2568 ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งเป้าสร้างมูลค่าเจรจาการค้าไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายส่งเสริม Soft Power ของรัฐบาลไทย ภาคอุตสาหกรรมบันเทิง โดยเฉพาะ ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง กรมจึงมุ่งเน้นการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทย ผ่านการสนับสนุนด้านการตลาด การจับคู่ธุรกิจ และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และผลักดันคอนเทนต์ไทยให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลก

งาน Hong Kong International Film & TV Market (FILMART) ถือเป็นหนึ่งในเวทีสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ระดับโลก และเป็นตลาดซื้อขายคอนเทนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งในแต่ละปีดึงดูดผู้ซื้อกว่า 7,000 รายจากทั่วโลกที่มองหาภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ ละคร ซีรีส์ รวมถึงการบริการด้านการผลิตภาพยนตร์ นับได้ว่างาน FILMART มีความสำคัญที่จะช่วยสร้างรายได้ ตลอดจนส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบริการเกี่ยวเนื่องของไทยให้เติบโตสู่ตลาดโลก

ในปี 2568 DITP ร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรม กรมการท่องเที่ยว และ THACCA นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน FILMART ภายใต้กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้า (Business Matching) เพื่อตอกย้ำศักยภาพของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยสู่ระดับนานาชาติ รวมถึงภาพลักษณ์อันดีของประเทศและส่งเสริมนโยบาย Soft Power ของรัฐบาลอีกด้วย

ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานครั้งนี้จำนวน 37 บริษัท ซึ่งได้รับการตอบรับมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และแอนิเมชัน (Film Production and Distribution) จำนวน 15 บริษัท ซึ่งล้วนเป็นบริษัทที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้แก่ประเทศ ทั้งในระดับรายใหญ่และรายเล็ก กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Production and Post-Production Services) จำนวน 6 บริษัท เป็นผู้ให้บริการที่มีบุคลากรมืออาชีพระดับสากลที่พร้อมรองรับการจ้างผลิตต่างๆ รวมถึงภาพยนตร์ต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ทางด้านกลุ่มบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรายการและละครโทรทัศน์ (Television Content and Formats) จำนวน 6 บริษัท เป็นบริษัทที่ครอบคลุมรายการบันเทิง เกมโชว์ และละครโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูง และกลุ่มบริษัทคอนเทนต์วาย (Content Y) จำนวน 10 บริษัท ที่มีซีรีส์คอนเทนต์หลากหลายรูปแบบตอบรับกระแส BL และ GL ของไทยซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลก

สำหรับการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดการซื้อ-ขายคอนเทนต์ที่สร้างรายได้กลับเข้าสู่ประเทศเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างประเทศ การรับจ้างผลิต และการขยายเครือข่ายทางธุรกิจในระดับสากล อีกทั้งยังเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และคอนเทนต์ไทยในตลาดโลกอย่างแท้จริง