สกมช.- สปค. เสริมเกราะป้องกันภัยไซเบอร์ ขับเคลื่อนมาตรการความมั่นคง ยกระดับความปลอดภัยภาคขนส่ง
GH News March 10, 2025 10:10 PM

สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมกับ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ในวันที่ 10 มีนาคม 2568 เพื่อเสริมสร้างมาตรการและมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มุ่งยกระดับการป้องกันภัยคุกคามที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่จะสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งและเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี กล่าวเปิดงานประชาสัมพันธ์ ความก้าวหน้าของโครงการสนับสนุนการจัดตั้ง Sectoral CERT ด้านขนส่งและโลจิสติกส์ และด้านพลังงาน และ พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ระหว่าง สกมช. และ สปค. กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้นในยุคดิจิทัล พร้อมเสริมสร้างศักยภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงด้านไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ “การคมนาคมขนส่งเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ หากระบบขนส่งได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ อาจสร้างความเสียหายทั้งในด้านความปลอดภัยของประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้น การพัฒนาแนวทางป้องกันและรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ในภาคคมนาคมจึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อสร้างกลไกป้องกันภัยคุกคามที่แข็งแกร่ง และให้ประชาชนสามารถใช้บริการขนส่งได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย” โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนาแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านภัยคุกคามไซเบอร์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนการเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงของการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ

นายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ต่อระบบขนส่งของประเทศ ปัจจุบัน ระบบควบคุมการเดินรถ ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ และโครงข่ายการสื่อสารของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมล้วนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มาพร้อมกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของระบบขนส่งและความต่อเนื่องของบริการสาธารณะ ความร่วมมือกับ สกมช. ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันภัยไซเบอร์ ตลอดจนพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและภาคธุรกิจในการใช้ระบบขนส่งได้อย่างปลอดภัย

พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างมาตรการป้องกันและรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบขนส่ง ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อพัฒนาแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และการให้บริการด้านคมนาคมที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับประชาชน

ปัจจุบัน ระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมมีการพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น ตั้งแต่ระบบควบคุมการเดินรถ ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ โครงข่ายการสื่อสารของโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงระบบขนส่งอัจฉริยะ (ITS) ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเหล่านี้ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน หากเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ในระบบขนส่ง อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งในแง่ของความปลอดภัยของประชาชน การให้บริการขนส่งที่ต่อเนื่อง และเสถียรภาพของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ

“เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต้องเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญลำดับแรก” พลอากาศตรี อมร กล่าว “ภายใต้ความร่วมมือนี้ สกมช. จะทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาแนวทางป้องกันและตอบโต้ภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างเป็นระบบ รวมถึงจัดทำมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมมีความมั่นคงปลอดภัย พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะในอนาคต”

นอกจากนี้ สกมช. และกระทรวงคมนาคม ยังได้วางแผนร่วมกันในการพัฒนากำลังคนเฉพาะทางด้านไซเบอร์สำหรับภาคคมนาคม ผ่านโครงการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถเฝ้าระวัง วิเคราะห์ และตอบสนองต่อภัยคุกคามไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ และสร้างระบบขนส่งที่มั่นคงปลอดภัยสำหรับอนาคต การเติบโตของเทคโนโลยีเหล่านี้มาพร้อมกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งความปลอดภัยของระบบและข้อมูลที่สำคัญ“ในเวทีเสวนาเรื่อง ‘OT Security กับอนาคตของ Digital Infrastructure ท่ามกลางความท้าทายจากภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสำคัญของไทย’ เราได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความท้าทายในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของระบบเทคโนโลยีปฏิบัติการ (OT) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรม เช่น ระบบขนส่ง พลังงาน และการผลิต ที่ต้องอาศัยความปลอดภัยสูงสุดในการดำเนินงาน ความท้าทายที่สำคัญในปัจจุบันคือการบูรณาการระบบ OT กับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีแบบดั้งเดิม ทำให้เกิดช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีได้ง่ายขึ้น ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงการพัฒนาแนวทางป้องกันที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนเพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล”

โครงการสนับสนุนการจัดตั้ง Sectoral CERT ด้านขนส่งและโลจิสติกส์ และด้านพลังงาน จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศในภาคขนส่ง โลจิสติกส์ และพลังงาน มีเป้าหมายในการช่วยเฝ้าระวัง ตรวจจับ รับมือ ป้องกัน แจ้งเตือน และบรรเทาสถานการณ์จากภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละภาคส่วน ทั้งในแง่ของการจัดการกับช่องโหว่ และการตรวจสอบประมวลผลหลังเกิดเหตุ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการคือ การพัฒนาระบบป้องกัน ตรวจจับ วิเคราะห์ และโต้ตอบภัยคุกคามไซเบอร์ โดยเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ในระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานในภาคขนส่ง โลจิสติกส์ และพลังงาน พร้อมทั้งการสร้างทีมบุคลากรและศูนย์ประสานงานเฉพาะที่มีศักยภาพในการติดต่อ ประสานงาน และรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการรับแจ้งเตือนภัยคุกคาม พร้อมทั้งให้คำแนะนำและแนวปฏิบัติที่เหมาะสมแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 ทั้งนี้ พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ได้เข้ามาสนับสนุนโซลูชั่นในโครงการ Sectoral CERT อันประกอบด้วย ระบบไฟร์วอลล์ ในการป้องกันภัยไซเบอร์ โซลูชั่น XDR, และ Cortex XSOAR ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยลดเวลาเฉลี่ยในการตรวจจับ (MTTD) และเวลาในการตอบสนองเฉลี่ย (MTTR) และสามารถทำได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับทีมรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในระบบขนส่งซึ่งจำเป็นต้องรายงานผลได้อย่างทันท่วงที

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.