วันนอร์ แจงสัมพันธ์ ทักษิณ แยกชัด บุญคุณ-งาน ยันลุยการเมืองต่อ ไม่วางมือ
GH News March 12, 2025 05:01 PM

วันนอร์ แจงสัมพันธ์ ทักษิณ แยกชัด บุญคุณ-งาน ยันลุยการเมืองต่อ ไม่วางมือ
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์พิเศษข่าวสดและเครือมติชน โดยตอบคำถามกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าประธานสภาฯ ไม่เป็นกลาง และเหมือนจะปกป้องนายทักษิณ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า อยู่ที่ใครอยู่มุมไหน หลายครั้งหลายรัฐบาลหรือรัฐมนตรีก็ว่าตน แต่ยืนยันว่าปฏิบัติตามกติกา ขนาดกับรัฐมนตรีบางคน ตนก็ไม่ยอมและให้นั่งลงก็มี แล้วฝ่ายรัฐบาลก็บอกว่าตนเข้าข้างฝ่ายค้าน และหลายครั้งฝ่ายค้านก็บอกตนไม่เป็นกลาง

แต่ประธานสภาฯ ต้องอยู่ตรงกลาง เหมือนตัดสินฟุตบอล ต้องมีฝ่ายชนะและแพ้ คนเชียร์ก็เชียร์แต่ละฝ่าย อย่างฝ่ายแพ้ก็ไม่เคยบอกว่ากรรมการดี เป็นเรื่องธรรมดา แต่ขึ้นกับสถานการณ์ โดยเชื่อว่ากรรมการก็อยากตัดสินฟุตบอลให้เกมเดินไปด้วยดี ทุกอย่างต้องอยู่กับกติกา

เมื่อถามว่ามีการมองว่าประธานสภาฯ เปิดศึกแทนพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่ ตนไม่สามารถเปิดศึกแทนใครได้ แน่นอนตนเคยอยู่พรรคไทยรักไทย เคยเป็นรัฐมนตรีในยุคของนายทักษิณ เป็นนายกฯ อันนั้นมีความผูกพันกัน นายทักษิณก็ไปกินข้าวที่บ้านของตนหลายครั้ง

“บุญคุณก็ส่วนของบุญคุณ แต่งานในหน้าที่งานของบ้านเมือง ไม่สามารถแลกเรื่องบุญคุณและความรู้จักได้ ท่านอาจไม่เดือดร้อนก็ได้ แต่ผมไม่เกี่ยวกับท่านจะเดือดร้อนหรือไม่ แต่ผมเห็นว่าผิด ไม่ใช่แค่ชื่อนายทักษิณ จะใส่ชื่อคนอื่นในญัตติก็ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะชื่อนายทักษิณ แต่ต้องเป็นชื่อของนายกฯหรือคณะรัฐมนตรี เพราะหากเป็นคนอื่นไม่สามารถจะเข้ามาชี้แจงและอภิปรายได้ แต่หากเป็นคนในสภาเข้าก็มีสิทธิ์มาชี้แจง” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีการมองว่าเกมนี้เป็นเกมเลื่อยขาเก้าอี้ประธานสภาฯ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวและไม่มี จะเลื่อยก็เลื่อยได้ตลอดเวลา ไม่มีปัญหา เพราะประธานสภาฯ ก็ทำหน้าที่ตามกฎระเบียบ

หากคิดว่าประธานสภาฯ ทำผิดก็สามารถยื่นสอบที่ไหนได้ ตอนนี้ก็โดนยื่นแล้ว เพื่อจะได้รู้ว่าทำผิดหรือถูก ส่วนตัวไม่ห่วงตำแหน่งหรือหน้าที่อะไร ที่สำคัญก็ไม่กลัว เมื่อใครมองว่าทำไม่ถูกหรือทำผิดกฎหมายข้อไหนก็ร้องได้ ซึ่งคนก็จะมองได้ว่าคนร้องไปฟ้องเกี่ยวกับเรื่องอะไร

“ผมเคยทำหน้าที่ รมว.มหาดไทย เรื่องยาเสพติดเคยปราบอย่างเด็ดขาด ฉะนั้น ส่วนตัวคงไม่กลัวจะโดนร้องหรือฟ้องอะไร เราต้องรู้ว่าเรามีหน้าที่อะไรก็ทำตามหน้าที่นั้น บทบาทต้องสอดคล้องกับหน้าที่ เมื่อเราทำหน้าที่ประธานสภาฯ จะไปเกรงใจคนนั้นคนนี้คงไม่ได้ ผมเป็นสมาชิกสภาฯ และอยู่มา 40 กว่าปีแล้ว” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

เมื่อถามว่าตอนนี้อายุ 80 ปีแล้ว หลายคนถามว่าร่างกายยังฟิต และยังมีความฟิตเรื่องงานการเมืองอยู่หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า งานการเมืองต้องขึ้นกับประชาชน ประชาชนยังศรัทธาเขาก็เลือก ถ้าเขาไม่ศรัทธา เขาก็ไม่เลือก แต่ตัวเราเองก็พิจารณาแล้วว่า สุขภาพก็ยังไปได้ สมองก็ยังไปได้ แต่จะลงเลือกตั้งอีกหรือไม่ พอถึงวันเลือกตั้งก็ต้องพิจารณา

เนื่องจากความจริงแล้ว ถามว่าพอหรือยัง คนเราก็ควรให้รางวัลกับชีวิตบ้าง อายุ 81 ปีกว่าๆ ในช่วงการเลือกตั้งใหม่ครั้งต่อไป เราก็ต้องคิดว่าเราอยากทำอะไร ในสิ่งที่เราทำได้และรับใช้ประชาชน แต่ไม่อยากพูดล่วงหน้า เพราะที่ผ่านมาอยากหยุดหลายครั้ง แต่หยุดไม่ได้ เพราะประชาชนบอกท่านต้องทำต่อไป ซึ่งเราก็ทำตามใจประชาชน

เราผ่านการเลือกตั้งมา 11 ครั้ง ก็ชนะที่ 1 มาทุกครั้ง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าครั้งต่อไปจะลงเลือกตั้งหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนและสุขภาพของตัวเอง รวมถึงเราต้องรู้จักพอและให้โอกาสคนรุ่นหลังมาทำหน้าที่ได้บ้างหรือไม่ ตนคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ ความคิดของเราอาจไม่ทันคนสมัยนี้แล้ว

“ก่อนหน้านี้เคยคิดไว้ว่า อายุ 60 ปีจะหยุด ตอนนี้เลยมา 20 ปีแล้ว โดยตอนอายุ 60 ปี ครั้งเป็น รมว.มหาดไทย มีพรรคพวกจัดงานวันเกิด 60 ปีให้ ผมก็ให้ไปจัดงานที่บ้านต่างจังหวัด แต่คิดไว้ว่า พอแล้ว อายุ 60 ปีแล้ว แต่กระทำไม่ได้ด้วยเหตุหลายอย่าง ไม่ใช่เพราะผมอยากนะ แต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยที่จะให้หยุด ตอนอายุ 70 ปี และอายุ 80 ปีก็คิดจะหยุดเช่นกัน ไม่รู้จะต้องทำถึงอายุ 90 ปีหรือไม่” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

เมื่อถามว่ามองการเมืองในตอนนี้อย่างไรบ้าง นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ความตั้งใจคือเมืองไทยไม่น่าจะมีปฏิวัติและรัฐประหารแล้ว ตั้งแต่ปี 2549 ก็คิดว่าไม่น่ามีแล้ว ก่อนมีการเลือกตั้งใหม่และเดินหน้ากันต่อไป โดยคิดว่าประชาธิปไตยต้องแก้ด้วยประชาธิปไตย รัฐบาลไหนไม่ดี ประชาชนไม่เลือกก็ต้องไป แต่เรายังมีการปฏิวัติและรัฐประหารอีกในปี 2557 จึงมองภาพว่า เมืองไทยควรหยุดการปฏิวัติและรัฐประหารได้แล้ว ควรเป็นประชาธิปไตยของประชาชน

พอผ่านการเลือกตั้งปี 2566 มา ส่วนตัวเห็นการพัฒนาของการเมืองไทยมาก พรรคของคนรุ่นใหม่ก็ได้รับการเลือกตั้งมาก ส่วนพรรคที่คนไม่ชอบก็ค่อยๆ ถอยไป มันเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ทำไมพรรคเสียงข้างมากอันดับ 1 ไม่ได้เป็นรัฐบาล เรื่องนี้ตนว่าอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาลและการประสานงาน

โดยส่วนตัวอยากให้พรรคเสียงข้างมากเป็นรัฐบาล แต่ตนไม่สามารถตัดสินได้ เป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมืองที่จะมารวมกัน เขารวมตัวกันอย่างนี้และอยู่กันอย่างนี้ ก็ต้องรับสภาพกันไป

ตนมารับตำแหน่งประธานสภาฯ ก็ด้วยการขอร้อง คุยกันไม่ลงตัวก็อยากได้คนกลางเข้ามา ตนก็บอกเราเป็นพรรคเล็ก ก็คิดว่าเราเป็นนักการเมืองต้องเห็นประโยชน์ส่วนรวม เมื่อเขาบอกจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่าประชาธิปไตยต้องมีรัฐบาล จะปล่อยให้ปฏิวัติต่อเนื่องไม่ได้ ตนเข้ามาเพื่อให้เขาจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ไม่ได้วิธีที่ 1 ก็ไปวิธีที่ 2 ไม่ได้วิธีที่ 2 ก็ไปวิธีที่ 3 แต่ต้องมีรัฐบาล

“ส่วนตัวคิดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าและครั้งต่อไปจะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ผมฝันให้เป็นอย่างนั้น และการใช้เงินใช้ทองก็จะน้อยลง แต่ส่วนตัวไม่สามารถบอกได้ว่า ครั้งหน้าใครจะเป็นรัฐบาล โดยการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการต่อสู้ในแนวคิดและนโยบาย รวมถึงเรื่องการทำงาน” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.