สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนกุมภาพันธ์ 2568
GH News March 12, 2025 05:10 PM

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันเดินหน้าเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 20%  แคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.68 โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.68 นอกจากนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเงินเฟ้อในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้ลงทุนสหรัฐฯ เพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดสะท้อนภาวะตลาดเข้าสู่ภาวะ Risk Off ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงจากสิ้นปีก่อนหน้าถึง 1.4% หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาหลายปี อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายตลาดหุ้นที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีความเสี่ยงน้อยจากนโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงมีปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นเฉพาะตัวและมี Valuation ที่ไม่สูง

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.68 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 SET Index อยู่ในช่วงปรับฐานซึ่งลดลงกว่า 17.9% จากระดับสูงสุดในรอบนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับแนวโน้มในอดีต และหากพิจารณามูลค่าพื้นฐานของตลาดพบว่าระดับ P/E อยู่ที่ 12.5 - 16.6 เท่า และ P/BV เพียง 1.2 - 1.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรอบการปรับฐานครั้งก่อนๆ อย่างมีนัยสำคัญ โดยการปรับฐานของตลาดในรอบนี้หุ้นที่ปรับตัวลดลงมากส่วนใหญ่มาจากกลุ่มหุ้นที่มี P/E Ratio สูง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนพยายามออกมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของ SET Index โดยเน้นด้านการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง การจำกัดความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงมีปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นโดยเฉพาะการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่และส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าของ บจ. และยกระดับ CG

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2568
•ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 SET Index ปิดที่ 1,203.72 จุด ลดลง 8.4% จากสิ้นเดือนมกราคม 2568  ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 SET Index ปรับลดลง 14.0%

•กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มการเงิน กลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริการ และกลุ่มทรัพยากร

•มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 52,041 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด ห้าเดือนต่อเนื่อง 

•บริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง (MOTHER)    

•Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.3 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 15.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.2 เท่า

•อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ระดับ 4.03% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.27%

ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนกุมภาพันธ์ 2568
•    ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 485,359 สัญญา เพิ่มขึ้น 24.0% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures ทำให้ในปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 434,992 สัญญา ลดลง 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และ Gold Online Futures

#หุ้น #SET #ข่าววันนี้ #ตลาดหลักทรัพย์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #หุ้นไทย

 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.