"ประเสริฐ" เผย "ดีอี"ลุยปิดบัญชีปลอม "ทางรัฐ"แล้ว 341 บัญชี แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนระวังข่าวปลอมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
เมื่อวันที่ 12 มี.ค.68 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ดีอีโดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti Fake New Center หรือ AFNC) และ สํานักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้ติดตาม ตรวจสอบ การกระทำที่เข้าข่ายการก่ออาชญากรรมออนไลน์ โดยตรวจพบว่า การเผยแพร่ข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนที่เกี่ยวข้องกับ โครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ระยะที่ 3 รวมทั้งยังตรวจพบ บัญชีแพลตฟอร์มทางรัฐปลอมด้วย
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ในภายหลังจากที่รัฐบาล เตรียมดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในระยะที่ 3 ในระหว่างนี้ มิจฉาชีพ ได้ใช้วิธีการหลอกลวงประชาชน ส่งข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือน ที่เกี่ยวข้องกับ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 12 มีนาคม 2568 ศูนย์ข่าวปลอมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว จำนวน 59 เรื่อง โดยพบว่า เป็นข่าวปลอม 13 เรื่อง ข่าวบิดเบือน 6 เรื่อง และตรวจพบบัญชี แอปพลิเคชันปลอม “ทางรัฐ” จำนวน 5 บัญชี ซึ่งได้ดำเนินการแจ้งปิดกั้นแล้ว ที่ผ่านมา ศูนย์ข่าวปลอมฯ และ สกมช. ได้ตรวจสอบ และเฝ้าระวัง การกระทำที่เข้าข่ายการก่ออาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตั้งแต่เริ่มดำเนินการโครงการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 12 มีนาคม 2568 โดยได้ดำเนินการปิดกั้นแพลตฟอร์มปลอมแล้ว จำนวน 341 บัญชี เป็นบัญชี Facebook จำนวน 308 บัญชี และบัญชี Tiktok จำนวน 33 บัญชี (แบ่งเป็นการดำเนินการของ ดีอี จำนวน 219 บัญชี และ สกมช. จำนวน 122 บัญชี)
สำหรับประชาชนสามารถรับข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับแอปฯ ทางรัฐ ได้จากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) หรือ DGA โดยติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dga.or.th หรือ โทร. 02-612-6060 หรือสามารถสอบถามผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน โทร. 1111 กด 1 (ดิจิทัลวอลเล็ต)
"ดีอีมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเผยแพร่ข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งดีอีจะตรวจสอบข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่กระทำอย่างถึงที่สุด เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง และขอให้ประชาชน ยึด 'หลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ , 2.ไม่เชื่อ , 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน พร้อมกับไม่แชร์ข้อมูลที่บิดเบือนในทุกช่องทางสังคมออนไลน์"นายประเสริฐ กล่าว