ที่เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย พระราชโพธิวิเทศวัชรมุนี เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ พระโพธิวิเทศวชิรสิริ เจ้าอาวาสวัดโพธิโมลีราชบัณฑิต พระครูนิโครธบุญญากร เจ้าอาวาสวัดไทยนิโครธาราม พร้อมคณะพระธรรมวิทยากร นำคณะพระนวกะมหาวชิราโพธิ รุ่น 3 ประกาศรัตนปริตรและเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ในการนี้ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมการประกาศรัตนปริตรด้วย
สำหรับ“ปริตร” มาจากบทบาลีว่า ปริตฺต แปลว่า เครื่องต้านทาน เครื่องป้องกัน พระพุทธเจ้าอนุญาตการสวดพระปริตรไว้สำหรับพุทธบริษัทเพื่อต้านทานและป้องกันภัยอันจะเกิดขึ้นจากเหตุต่างๆในโลก “รัตนปริตร” เป็นบทสวดที่กล่าวถึงคุณแห่งพระรัตนตรัย เปี่ยมด้วยพลังแห่งสัจวาจา สามารถป้องกันและขจัดปัดเป่าภัยอันตรายได้ตามหลักแห่งสัจธรรม ด้วยเหตุนี้ เนื้อหาในบท “รัตนปริตร” จึงเป็นบทแห่งสัจวาจาที่กล่าวถึงคุณของพระรัตนตรัยตามที่เป็นจริง ด้วยเนื้อหาที่เป็นความจริงนี้เองจึงก่อให้เกิดกระแสพลังแห่งสัจจะที่สามารถขจัดภัยอันตรายได้ ที่สามารถกำจัดได้ไม่ใช่เป็นเพราะผู้สวด แต่เป็นเพราะสัจวาจาที่กล่าวตรงกับหลักธรรมชาติแห่งความจริงแท้ของพระรัตนตรัย
จากนั้น คณะพระนวกะมหาวชิราโพธิ รุ่น 3 ได้ร่วมพิธีเททรายเป็นปฐมฤกษ์บนพื้นที่โครงการก่อสร้างสถานพยาบาลกุสินาราคลินิก เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาในพระรัตนตรัย ทรงรับ สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมในพิธีเททรายครั้งนี้ด้วย
โครงการ “มหาวชิราโพธิ 3” จัดโดย พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาลและกรมการศาสนา เป็นโครงการบรรพชาอุปสมบทกุลบุตรชาวไทยจำนวน 75 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดย พิธีบรรพชา-อุปสมบท จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-15 มีนาคม 2568 และพิธีลาสิกขาในวันที่ 16 มีนาคม 2568 โดยมุ่งเน้นให้ผู้บรรพชาได้ฝึกฝนตนเองตามหลักพระธรรมวินัย ท่ามกลางสถานที่สำคัญทางพุทธประวัติในแดนพุทธภูมิประเทศอินเดีย-เนปาล โครงการนี้นอกจากเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สมดังปณิธานที่ว่า “อุปสมบทเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา น้อมถวายเป็นพระราชกุศล”