การเดินทางของประชาชนที่เดินทางเข้า-ออก กรุงเทพมหานคร ด้วยรถโดยสารสาธารณะ เพราะต่อไปในอนาคตคนที่ต้องการเดินทางไปภาคตะวันออก ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งเอกมัย ,คนที่เดินทางไปภาคใต้ ไม่ต้องเดินทางไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ และคนที่ต้องการเดินทางไปยังภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่ต้องเดินทางไปที่สถานีขนส่งหมอชิต อีกต่อไป
เพราะในเร็ว ๆ นี้ ทุกเส้นทางจะสามารถมาขึ้นรถได้ที่ “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์”
ทั้งนี้มาจากการที่ “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีแนวความคิดในการย้ายสถานีขนส่งฯ นั้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนผู้ใช้บริการ และนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถไฟไทย รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายอื่นๆ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถโดยสารในอัตรา 20 บาทตลอดสาย (ปัจจุบันให้บริการในรถไฟฟ้าสายสีแดง และสีม่วง) และจะครอบคลุมทุกสี ทุกสายภายในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคมในการเชื่อมโยงการเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ
เรื่องนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พิจารณาและศึกษาแนวทางการย้ายสถานีขนส่งฯ พร้อมทั้งผลกระทบการดำเนินการ งบประมาณในการก่อสร้าง และการบริหารการจราจรภายในโดยรอบสถานีให้มีความคล่องตัวด้วย
การศึกษาและรูปแบบการพัฒนานั้น จะใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่นมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ เช่น รูปแบบที่สถานีฮากาตะ เป็นสถานีโดยสารแบบอาคารสูง ภายในอาคารจะมีศูนย์อาหาร และแหล่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้บริการอย่างครบถ้วน ซึ่งในแต่ละชั้น จะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง แบ่งตามภูมิภาค และแบ่งจังหวัดอย่างชัดเจน
ส่วนสถานีเดิมก็จะนำไปพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ เนื่องจาก บขส.สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ของตนเองได้ อาทิ ที่ดินที่สถานีขนส่งโดยสารเอกมัย ที่มีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาท ให้เช่าหรือขาย เพื่อนำเงินมาลงทุนพัฒนาอาคารสถานีแห่งใหม่ได้
ด้านนายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการ สนข. บอกว่า ขณะนี้ สนข.ได้กำหนดแนวคิดรูปแบบการพัฒนาเบื้องต้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน และในระหว่างนี้ สนข.จะเสนอขอตั้งงบประมาณเพื่อจ้างที่ปรึกษามาทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ พร้อมออกแบบเบื้องต้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาศึกษาอย่างน้อย 12 เดือน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการพัฒนาสถานีขนส่งแห่งใหม่ในรูปแบบอาคารสูงจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเดินทาง และไม่ทำให้เกิดปัญหาจราจรในพื้นที่
แนวคิดการย้ายสถานีขนส่ง (บขส.) มาในพื้นที่บริเวณใกล้กับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะเป็นการรวมสถานีขนส่งทุกแห่งให้มาอยู่ที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสถานีขนส่งสายใต้ สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งหมอชิต 2 โดยจะทำการออกแบบเป็นสถานีขนส่งในรูปแบบอาคารสูง และกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน โดยการพัฒนาอาคารสูงนั้น จะแบ่งชั้นการให้บริการอย่างชัดเจน เช่น ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินไปทางภาคใต้ และภาคตะวันตก, ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคเหนือ, ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออก และพื้นที่โดยรอบกรุงเทพมหานคร (กทม.)
นอกจากนี้ ตัวอาคารผู้โดยสารจะมีการพิจารณาออกเป็นชั้นใต้ดินสำหรับให้รถเมล์ ขสมก. รวมถึงสำหรับรถแท็กซี่ เพื่อให้เข้ามารับส่งผู้โดยสาร ขณะที่ในส่วนของชั้นที่สูงขึ้นไป จะมีการออกแบบ เพื่อทำเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของฝาก เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถมีที่พักคอยก่อนจะถึงเวลารถออก และรายได้จากการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์นั้น สามารถนำมาใช้ในการบริหารจัดการ และซ่อมบำรุงรักษาตัวอาคารผู้โดยสารได้อีกด้วย
ขณะที่ “นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการฯ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอดูผลการศึกษาการย้ายสถานีหมอชิต 2 ไปยังสถานีกลางกรุงเทพฯก่อน คาดว่าใช้ระยะเวลาศึกษาประมาณ 6 เดือน ทั้งนี้ปัจจุบันสถานีกลางกรุงเทพฯ สามารถรองรับเป็นอาคารพื้นที่พักคอยแก่ผู้โดยสารได้ แต่ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อรองรับรถทัวร์ของบขส.กว่า 6,000 คัน ซึ่งการศึกษาออกแบบควรมีอาคารสำหรับจุดจอดทางเข้า-ออก ของรถทัวร์บขส.โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนรับ-ส่งผู้โดยสาร เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดในพื้นที่ดังกล่าว
ส่วนกรณีที่จะนำพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (เอกมัย) เปิดประมูลเช่าให้แก่เอกชนในระยะยาวหรือปล่อยขายที่ดินนี้เพื่อนำเงินมาลงทุนย้ายสถานีขนส่งฯนั้น มองว่า ตามแผนที่ดินเอกมัยเป็นการเปิดประมูลให้เอกชนเช่าพื้นที่มากกว่า เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ได้มีการยกเลิกสถานี ซึ่งจะต้องหาพื้นที่เพื่อรองรับเป็นสถานีใหม่ คาดว่าเป็นพื้นที่ย่านบางนา ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการศึกษาฯก่อน
“ขณะนี้พบว่าสัดส่วนการถือหุ้นของบขส.มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น 96.5% หากมีการปล่อยขายที่ดินเอกมัยจะทำให้รายได้ทั้งหมดเข้ากระทรวงการคลัง ส่งผลให้บขส.ไม่เหลืองบประมาณเพียงพอที่จะไปลงทุนหรือพัฒนาพื้นที่อื่นๆ” นายอรรถวิท กล่าว
เรื่องย้านสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่ง มารวมอยู่ที่จุดเดียว “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” ยังคงต้องติดตาม!!
เพราะเกี่ยวเนื่องกับประชาชน และผลประโยชน์ของประเทศ!!