ปวิน ฟาด นางแบกรัฐบาล มั่นหน้าเชิดใส่สหรัฐ แต่ยังต้องพึ่งพี่ใหญ่เรื่องทหาร หลังรัฐบาลแพทองธาร โดนคว่ำบาตรวีซ่า ปมส่งอุยกูร์กลับจีน
ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ศาสตราจารย์ ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ภายหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ลงสนามจคว่ำบาตรวีซ่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยทั้งปัจจุบันและอดีต ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งชาวอุยกูร์ เดินทางกลับไปประเทศจีน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยหลังมีแถลงออกมา ได้มีนักวิชาการ และบุคคลฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในทำนองเข้าใจท่าทีทางการทูตของรัฐบาลไทย รวมถึงตำหนิหมากเกมนี้ของสหรัฐ
ศาสตราจารย์ปวิน ระบุในเฟซบุ๊กว่า “ครั้งสุดท้ายที่ผู้นำไทยถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรไม่ให้วีซ่าเข้าประเทศคือหลังรัฐประหารที่ประยุทธ์และคณะรัฐมนตรึไม่สามารถเดินทางไปได้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลปัจจุบันจึงเป็นเรื่องซีเรียสมาก
การส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศเพื่อถูกทารุณกรรมนี่คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเลวร้ายที่สุด พวกนางแบกแก้เก้อบอกว่า noสน noแคร์ แหมไม่อยากดูถูกสติปัญญา จะเอาอะไรกับความเห็นนางแบกชาวบ้าน
เอาดีๆ แม้แต่ความเห็นและการตัดสินใจของนางแบกตัวบนยังบ้ง มีตำแหน่งใน กต แต่กลับตัดสินใจส่งอุยกูร์กลับเพราะกลัวจีน ก็เอาสิ๊ เอาการคว่ำบาตรของอเมริกาไปแดก
…อย่ามาพูดเรื่องไทยเป็นศูนย์กลางการทูตภูมิภาค อย่ามาพูดเรื่องส่งออก soft pewer อย่ามาพูดอวดว่าได้เป็นสมาชิก UN Human Rights Council อยากเป็นโน่นเป็นนี่ เข้าใจสิทธิมนุษยชนพื้นฐานก่อนค่ะ”
นักวิชาการไทยในญี่ปุ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า “สรุปว่าการที่สหรัฐฯ ”คว่ำบาตรไทย“ กลายเป็นความผิดสหรัฐฯ นะ ไอ้ที่เราส่งอุยกูร์กลับไม่ใช่ความผิดเรา ยังไงส่งกลับไปตายก็ไม่ใช่ความผิดในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
กล้าเขียนว่า อย่าไปดีใจที่สหรัฐฯ คว่ำบาตร แต่ควรสังวรว่าจะเป็นการทำให้ไทยใกล้จีนมากขึ้น อาจทำให้ไม่มีเลือกตั้ง อาจทำให้พรรคส้มไม่ชนะ บลา บลา บลา นี่คือคำอธิบายX”
“ใช่ค่ะ อีประเทศอเมริกาเนี่ยแม่ง erratic เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เลือกด่าประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ด่าหมด อยากด่าประเทศไหนก็ด่า แถมตอนนี้ประเทศตัวเองก็มีการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยในประเทศที่แย่ลง แต่ถ้าอเมริกากามันแย่อย่างนั้น แล้วฐบาล นางแบกชาวบ้าน – จะแคร์ทำไม ก็เชิ่ดใส่ไปเลยสิ ในโลกแห่งความเป็นจริง แม้ปากบอกสะบัดบ๊อบ
แต่การที่เรียงหน้าออกมาด่าไอ้กัน นั่นคือแคร์ค่ะ ต้องแคร์ เพราะรู้ว่า สหรัฐฯ ไม่ใช่แค่ประเทศๆ หนึ่ง แต่เป็นพันธมิตรทางทหารของไทย จะเกลียดกันอย่างไร แต่ทั้งคู่มีพันธะต่อกัน การที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรจึงหนักหนาสาหัส ผู้นำรัฐบาลเดินทางไปอเมริกาไม่ได้ จะติดต่อธุระกันต้องผ่านจดหมาย/โทรเลขเท่านั้น นอกไปจากนั้น
อีพวกมั่นหน้าที่บอกว่า งั้นเราคบกับจีนก็ได้ ลึกๆ แล้วมึงก็ทั้งกลัวทั้งระแวงสงสัยจีนค่ะ เหมือนที่นังหางแถวออกมายอมรับเอง สุดท้ายท้ายสุด รัฐบาลต้องถามตัวเองว่า การทูตคืออะไร ถ้ามันคือการผูกสัมพันธ์ งั้นมึงก็ล้มเหลวกับสหรัฐฯ นี่ขนาดเอาคนเคยเป็นทูตมาให้คำปรึกษานะ โอ้ย กูขำ”
อ่านเกมเบื้องหลัง สหรัฐคว่ำบาตรวีซ่ารัฐบาลไทยทีมข่าวไทยเกอร์คาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการจำกัดวีซ่าหวังการกดดันทางการเมือง การทูต เพื่อให้รัฐบาลหรือนโยบายของประเทศไทยเปลี่ยนท่าทีหรือปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของสหรัฐ เช่น การเคารพสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติตามหลักประชาธิปไตย หรือการเจรจาแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อสหรัฐและพันธมิตร
เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงหรือผู้มีอำนาจถูกจำกัดสิทธิในการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐ ความน่าเชื่อถือและสถานภาพทั้งในเวทีระหว่างประเทศ ภายในประเทศต้นทางอาจลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนหรือภาคส่วนอื่นในประเทศเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง เรียกร้องให้ภาครัฐปรับปรุงนโยบายหรือเปลี่ยนผู้บริหาร
ต้องจับตาดูต่อไปว่า ในทางปฏิบัติสหรัฐจะใช้ไม้แข็งกับรัฐบาลไทยแค่ไหน หากรุนแรงสุด เจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลที่ถูกจำกัดวีซ่าจะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ไม่ว่าจะเพื่อการทูต การเยี่ยมเยียนทางการเมือง การร่วมประชุม หรือการติดต่อทางธุรกิจและครอบครัว
เมื่อมีประกาศอย่างเป็นทางการว่าบุคคลใดถูก “ห้ามเข้าประเทศ” หรือถูก “ระงับ/เพิกถอนวีซ่า” ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในเวทีระหว่างประเทศของบุคคลนั้นจะลดลงทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพม่า (เมียนมา) หลังการรัฐประหารปี 2021 สหรัฐออกประกาศจำกัดวีซ่าต่อผู้นำกองทัพและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อกดดันให้ยุติการใช้ความรุนแรงและคืนอำนาจให้รัฐบาลพลเรือน
ในกรณีของซิมบับเว ช่วงที่ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ (Robert Mugabe) ถูกห้ามเดินทางเข้าสหรัฐและยุโรป (ยกเว้นการไปร่วมประชุมในองค์กรที่สหประชาชาติเป็นเจ้าภาพตามเงื่อนไขพิเศษ) มาตรการนี้เป็นหนึ่งในแรงกดดันให้รัฐบาลต้องยอมเปิดการเจรจาหรืออย่างน้อยก็ปรับลดการละเมิดสิทธิขั้นรุนแรง
อ่านข่าวก่อนหน้า
ข่าวล่าสุด