แก้รธน. ส่อระอุอีก 'สว.' บี้ 'ศาลรธน.' ไม่มีเหตุไม่รับคำร้อง ตีความประชามติ
GH News March 16, 2025 06:08 PM

จี้ให้ส่งคำตอบโดยเร็วภายในหนึ่งสัปดาห์ หากจันทร์นี้ รัฐสภาลงมติส่งคำร้องให้ศาลรธน.ตอบมาให้ชัด แก้ 256 ตั้งสภาร่างรธน. โดยไม่ต้องทำประชามติก่อนได้หรือไม่

16 มี.ค.2568 –  ในวันจันทร์ที่ 17 มีนาคมนี้ จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา ระหว่าง สส.กับสว. ที่จะมีวาระสำคัญในการประชุมคือ จะมีการพิจารณาลงมติว่าจะส่งญัตติที่เป็นคำร้องของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา กับของสส.พรรคเพื่อไทย ที่นำโดยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งขอให้ที่ประชุมรัฐสภามีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตอบข้อหารือประเด็นข้อกฎหมายเรื่อง กระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเข้าไปยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งร่างแก้ไขรธน.ทั้งสองฉบับดังกล่าว เสนอเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภาแล้วแต่ยังค้างการพิจารณาอยู่ ญัตติของนพ.เปรมศักดิ์และสส.พรรคเพื่อไทย จึงมีการถามศาลรัฐธรรมนูญว่า รัฐสภาสามารถดำเนินการพิจารณาร่างแก้ไขรธน.ดังกล่าวได้หรือไม่หรือว่าต้องมีการทำประชามติก่อน

นาวาตรี วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า จะลงมติเห็นด้วยกับการให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองญัตติ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเพราะหากไม่ถามศาลรธน.ก่อน แล้วสมาชิกรัฐสภาเกิดไปลงมติในร่างแก้ไขรธน.มาตรา 256 ที่ค้างการพิจารณาอยู่ แล้วเกิดมีปัญหาภายหลังว่าทำไม่ได้ ก็จะมีการไปเอาผิดกับสมาชิกรัฐสภาอีก คิดว่าหากที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 17 มีนาคมนี้มีมติให้ส่งญัตติดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ คิดว่าศาลรธน.ไม่ควรใช้เวลานาน ควรต้องรีบตอบกลับมา เพราะเป็นเรื่องที่ศาลรธน.น่าจะมีแนวทางไว้อยู่แล้ว จึงไม่น่าใช้เวลานานที่จะตอบกลับมา หากศาลรธน.บอกว่าต้องทำประชามติก่อน ฝ่ายที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะได้ไปทำจัดทำประชามติก่อน แต่หากบอกว่าไม่ต้องทำสามารถแก้มาตรา 256 ได้เลย ก็จะทำให้สมาชิกรัฐสภาได้กลับมาโหวตร่างแก้ไขรธน.ทั้งสองร่างที่ค้างอยู่ต่อไป จะได้จบเร็ว

เมื่อถามว่าหากส่งญัตติไปแล้วศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณาหรือไม่ตอบกลับมาโดยอ้างเหตุว่ายังไม่เกิดปัญหา ไม่เข้าองค์ประกอบที่จะตอบกลับมาได้ นาวาตรี วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ศาลรธน.ตั้งมาเพื่อตอบข้อสงสัยไม่ใช่หรือ ก็ควรที่ศาลรธน.ต้องตอบญัตติที่ส่งไป เพราะหากไม่ตอบกลับมา แล้วสมาชิกรัฐสภาไปลงมติอย่างใดอย่างหนึ่งในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างไว้ แล้วเกิดต่อไปมีปัญหามีคนไปร้องเอาผิด สมาชิกรัฐสภาก็แย่กันหมด

เมื่อถามอีกว่าหากรัฐสภาลงมติให้ส่งศาลรธน.ทางศาลรธน.ก็ควรตอบกลับมาโดยเร็วอาจไม่เกินภายในสัปดาห์นี้เลย นาวาตรี วุฒิพงศ์ ตอบว่า “ถูกต้อง” เพราะเรื่องนี้มีข้อถกเถียงกันมาหลายสัปดาห์แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จะให้ทำหรือไม่ให้ทำประชามติ เขาก็ควรบอกมา ก็อุตส่าห์มีหนังสือจะสอบถามไปแล้ว ความจริงสส.กับสว.หลายคน ก็อยากให้ลงมติไปเลย ไม่เห็นต้องไปถามศาลรธน. แต่ก็เหมือนโดนขู่ว่าหากไปลงมติจะมีการเอาผิด สส.กับสว.ก็เหมือนโดนมัดมือมัดเท้าอยู่ ทำอะไรก็ไม่ได้ ก็ขู่กันฟอดๆ ว่าหากลงมติจะร้องเอาผิด จะโดนตัดสิทธิ์การเมือง ก็เลยต้องถามไป

“ยังไม่รู้ว่า ญัตติของหมอเปรมศักดิ์จะผ่านหรือไม่เพราะสส.อาจไม่ลงให้แล้วไปลงให้เฉพาะญัตติของเพื่อไทยก็ได้ แต่ส่วนตัวผมจะลงมติเห็นชอบด้วยให้ทั้งสองญัตติได้มีการส่งศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ซึ่งหากส่งไปแล้ว การตอบของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้มีอะไร ก็แค่บอกว่า ต้องทำประชามติก่อนถึงจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างอยู่ได้ หรือว่าไม่ต้องทำประชามติ รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างอยู่อยู่ได้เลย ศาลก็ควรบอกได้แล้ว เพราะประชาชน เขาก็อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมก็อยากให้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะของเดิมมันแย่อยู่ แต่จะแก้ได้หรือไม่ มันก็ควรให้เกิดความชัดเจนได้แล้ว เพื่อที่จะได้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ทันก่อนการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งหากเกิดความชัดเจนตรงนี้ คิดว่า ถ้าศาลบอกว่าให้รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ได้เลย ไม่ต้องทำประชามติก่อน ถึงตอนนั้นเมื่อรัฐสภากลับมาพิจารณาร่างที่ค้างอยู่สองร่าง ก็เชื่อว่าจะมีสว.ลงมติเกินหนึ่งในสามของสว.แน่นอนหากมีความชัดเจนเกิดขึ้น  ”นาวาตรี วุฒิพงศ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับญัตติของพรรคเพื่อไทยกับของนพ.เปรมศักดิ์ แม้จะให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกันแต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน

โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทย เป็นญัตติที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่

เนื้อหาระบุอ้างอิงถึงร่างแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อจัดทำร่างฉบับใหม่ของร่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ซึ่งมีหลักการทำนองเดียวกัน และประธานรัฐสภาบรรจุระเบียบวาระในการประชุมเมื่อวันที่ 13-14 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเกิดความขัดแย้งและความเห็นที่แตกต่างกันของสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา

ญัตติดังกล่าว ระบุว่า ฝ่ายหนึ่งเห็นว่ารัฐสภาไม่มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 ฉบับ เนื่องจากยังมีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ว่าประชาชนประสงค์ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่เสียก่อน ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564 จึงได้แสดงออกด้วยการประกาศไม่เข้าร่วมประชุมและมีการอภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง ขณะที่สมาชิกรัฐสภาส่วนหนึ่ง เห็นว่า รัฐสภามีหน้าที่ทำหน้าที่พิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 ฉบับ เพื่อให้มีหลักเกณฑ์ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยการเพิ่มเติมหมวด 15/1 เท่านั้น ซึ่งภายหลังเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จึงไปดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติ

โดยทำพร้อมกับประชามติว่าประชาชนเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นการทำประชามติก่อนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เช่นกัน ซึ่งฝ่ายนี้เห็นว่าเป็นการสอดคล้องและเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564

“ดังนั้นเมื่อสมาชิกรัฐสภามีความเห็นขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการพิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมในข้างต้น จึงทำให้รัฐสภาไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามหน้าที่และอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จึงก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการทำหน้าที่และถือว่าเป็นกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภา เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วและยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในปัญหาดังกล่าว จึงเสนอญัตติด่วนตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่”ญัตติของส.ส.เพื่อไทย ที่จะส่งศาลรธน.ระบุ

ขณะที่ญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ ที่จะให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ มีการตั้งประเด็นคำถามศาลรัฐธรรมนูญว่า กระบวนการที่รัฐสภากำลังดำเนินการอยู่ในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่สามารถทำได้หรือไม่และหากทำได้และรัฐสภาเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว การทำประชามติตามมาตรา 256 สามารถทำไปพร้อมกับคำถามว่าประชาชนเห็นชอบให้ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่

 อนึ่งก่อนหน้านี้ มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรธน.มาตรา 256 ของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติ เมื่อ 13 กับ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า องค์ประชุมล่มทั้งสองวัน เพราะสส.ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้านและสว.ต่างพากันไม่กดบัตรแสดงตนในห้องประชุมรัฐสภา หรือไม่เข้าประชุม  ทำให้องค์ประชุมไม่ครบทั้งสองวันติดต่อกัน ที่เกิดจากสาเหตุที่ สมาชิกรัฐสภาเกรงว่าจะมีปัญหาหากไปร่วมพิจารณาร่างแก้ไขรธน.ทั้งสองฉบับ เพราะยังมีข้อถกเถียงอยู่ว่าสามารถทำได้หรือไม่ หรือว่าต้องทำประชามติก่อนถึงจะแก้มาตรา 256 ได้  ทำให้เพื่อไทย ที่ถูกวิจารณ์ว่าไม่จริงใจกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องให้สส.ของพรรคเข้าชื่อกันเสนอญัตติดังกล่าวเพื่อส่งศาลรธน. 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.