นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้ร่วมมือกับศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น หรือ ASEAN – Japan Centre จัดงานสัมมนา “พลิกเกม SMEs สู่อนาคตเศรษฐกิจสีเขียว: ก้าวบทใหม่ความร่วมมือไทย – ญี่ปุ่น” เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568
ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ โดยตนได้ร่วมเปิดงานสัมมนากับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (นายโอตากะ มาซาโตะ) และผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการโครงการของศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น (นายชัยรัตน์ เลียงขจรเกียรติ) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับญี่ปุ่นที่มุ่งสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาการค้าอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ เห็นถึงทิศทางและโอกาสของการปรับเปลี่ยน
การดำเนินธุรกิจให้ตอบโจทย์การค้ายุคใหม่ที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสนใจและความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้นซึ่งเป็นประเด็นท้าทายของภาคธุรกิจในระยะต่อไป ประกอบกับภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทั่วโลก
“ผมไม่อยากให้ผู้ประกอบการ เอ็สเอ็มอี มองเรื่องการค้าและสิ่งแวดล้อมในมุมตั้งรับและมองแต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคธุรกิจ แต่อยากให้มองเชิงรุกและเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ หาก เอ็สเอ็มอีสามารถปรับตัวตามกระแสการค้ายุคใหม่นี้ได้ โดยการจัดสัมมนาครั้งนี้ จะไม่เป็นเพียงการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับนโยบายและมาตรการทางการค้าที่เกี่ยวโยงกับประเด็นสิ่งแวดล้อม และเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของประเทศไทยและญี่ปุ่น เท่านั้น แต่ได้นำสถาบันการเงินเข้ามาช่วย เพราะการจะปรับเปลี่ยนโรงงานหรือการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ ให้เป็นธุรกิจสีเขียว จำเป็นต้องใช้เงินทุนในการดำเนินการ ทางกระทรวงพาณิชย์จึงนำสถาบันการเงินที่มีโครงการให้สินเชื่อสีเขียว หรือ Green Finance เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการ เอ็สเอ็มอี ที่มีความตั้งใจจะปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วย ผมเชื่อมั่นว่า การสัมมนาวันนี้จะช่วยให้ เอ็สเอ็มอี ได้เตรียมความพร้อม รองรับปรับตัว และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย” นายสุชาติกล่าว
นายสุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานสัมมนาฯ ครั้งนี้ ผลตอบรับดีมาก มีผู้เข้าร่วมงานสัมมนาฯ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย โดยมีบริษัทต่าง ๆ ส่งผู้แทนเข้าร่วมสัมมนาฯ กว่า 100 ราย และกระทรวงพาณิชย์ยังทำงานร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานพันธมิตรถึง 11 หน่วยงาน ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำกรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารพัฒนาเอเชียแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และธนาคารกสิกรไทย
ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย ล่าสุด ในปี 2567 การค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่น มีมูลค่า 52,020.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น ไทยส่งออกไปญี่ปุ่นมูลค่า 23,285.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากญี่ปุ่นมูลค่า 28,734.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปญี่ปุ่น อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องจักรและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์ สำหรับสินค้านำเข้าที่สำคัญจากญี่ปุ่นมาไทย อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และแผงวงจรไฟฟ้า