กรมชล ร่วมกับ UNDP ประชุมแนวทางจัดตั้งโรงเรือนเพาะชำชุมชน ภายใต้โครงการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำของประเทศไทย
กรมชลประทาน ร่วมกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme) จัดการประชุมชี้แจงและหารือแนวทางการดำเนินงานในกิจกรรมจัดตั้งโรงเรือนเพาะชำ และจัดหาพืชเศรษฐกิจ ผัก พันธุ์พืช ภายใต้ผลลัพธ์ที่ 3 โครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำประเทศไทย ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ
และเกษตรแบบยั่งยืน ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน สำนักงานชลประทานที่ 3 ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย และอุตรดิตถ์ พร้อมเดินหน้าตั้งศูนย์เพาะชำชุมชน 22 ตำบล สนับสนุนเรื่องพันธุ์พืช พันธุ์ผัก สร้างรายได้ และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง
เมื่อวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 นายบุรีรัตน์ วงศ์บุรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ เป็นประธาน ประชุมชี้แจงและหารือแนวทางการดำเนินงานในกิจกรรมจัดตั้งโรงเรือนเพาะชำชุมชนให้เกษตรในพื้นที่โครงการ และการจัดหาพืชเศรษฐกิจ ผัก พันธุ์พืช ให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและรองรับมาตรการการปรับตัวโดยอาศัยระบบนิเวศ (Ecosystem-Based Adaptation: EbA) ให้กับโรงเรือนเพาะชำชุมชมชน โดยมี นายชลเทพ ทาตรี รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของจังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน และผ่านระบบโปรแกรม Zoom Meeting อย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ รศ.ดร.เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะผู้จัดการโครงการ ได้นำเสนอ ภาพรวมของโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำประเทศไทย ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและเกษตรแบบยั่งยืน ดร.เดชกล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 เมื่อ UNDP ได้เชิญชวนให้กรมชลประทานสมัครขอรับเงินช่วยเหลือจากการสนับสนุนเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund : GCF) โดยในปี 2559 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทาน ได้พิจารณาคัดเลือกโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่านเป็นพื้นที่ศึกษา
โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำ การวางแผนเพาะปลูกให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนกลุ่มเกษตรกรที่เปราะบาง ในการลดความผันผวนของวิถีชีวิตอันเนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เสริมสร้างความสามารถในการวางแผนแบบบูรณาการ และคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนลดการหยุดชะงักด้านการผลิตของเกษตรกรรายย่อย ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2569 พื้นที่ดำเนินการอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน จำนวน 3 จังหวัด 24 ตำบล 7 อำเภอ กลุ่มผู้ได้รับประโยชน์ 20,000 ครัวเรือน ประชากร 62,000 คน ซึ่งผลลัพธ์ของโครงการประกอบไปด้วย งาน 3 ส่วน กล่าวคือ
ส่วนที่ 1 ระบบข้อมูลบริหารด้าน CC (Climate Crisis) เพื่อการชลประทาน (การพยากรณ์ น้ำฝน น้ำท่า แผนการปลูกพืช)
ส่วนที่ 2 โครงสร้างพื้นฐานที่ผสมผสานมาตรการสิ่งก่อสร้างและมาตรการเชิงนิเวศ
ส่วนที่ 3 การเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว ต่อ CC (Climate Crisis) ของเกษตรกรและให้ได้ผลลัพธ์ในส่วนที่ 3 ภารกิจในการจัดตั้งโรงเรือนเพาะชำชุมชนและจัดหาพืชเศรษฐกิจ ผัก พันธุ์พืชจึงเกิดขึ้น
เป้าหมายของโครงการคือ การจัด ให้มีโรงเรือนเพาะชำชุมชน จัดหาพืชเศรษฐกิจ ผัก พันธุ์พืช สำหรับ 22 ตำบล เพื่อสร้างรายได้ทดแทน และเพื่อการดำรงชีวิตในช่วงน้ำท่วม น้ำแล้ง และช่วงนอกฤดูกาลเก็บเกี่ยว และที่สำคัญก็คือ เพื่อปลูกและจัดหาพืชผลตามฤดูกาล สำหรับมาตรการการปรับตัวโดยอาศัยระบบนิเวศต่อไป
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมทาง Facebook โครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ https://www.facebook.com/GCFClimateResilienceTH