อสังหาฯฟื้นช้า-เมกะโปรเจ็กต์ดีเลย์-รับเหมาจีนตีตลาด ฉุดอุตฯก่อสร้างไทย ขยายตัวต่ำคาดปีนี้โตแค่3%
SCB EIC วิเคราะห์ธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย โดยระบุว่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2025 มีแนวโน้มขยายตัว 3% แตะระดับ 856,000 ล้านบาท จากปัจจัยหนุน ทั้งหน่วยงานหลักที่ลงทุนภาคก่อสร้างได้รับงบประมาณภายใต้งบประมาณประจำปี 2025 เพิ่มขึ้น การเบิกจ่ายในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2025 จะสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดประมูลและเริ่มก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ด้านการคมนาคมใหม่ ๆ ทั้งนี้ยังต้องติดตามความเสี่ยงด้านความล่าช้าในการเปิดประมูลโครงการใหม่ ๆ
การก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2025 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 1% มาอยู่ที่ 586,000 ล้านบาท โดยการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยเผชิญแรงกดดันจากการฟื้นตัวช้าของตลาดที่อยู่อาศัย ทำให้การเปิดโครงการระดับราคาปานกลาง-ล่าง ยังมีแนวโน้มเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยการเปิดโครงการใหม่ส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มอยู่ในกลุ่มระดับราคาสูงต่อไป รวมถึงยังต้องจับตาภาวะ Oversupply ของพื้นที่อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ซึ่งยังมีความเสี่ยงด้านการชะลอแผนการเปิดโครงการใหม่ออกไป
จากแนวโน้มการขยายตัวของภาคก่อสร้าง ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวในอดีต ท่ามกลางความเสี่ยงทั้งการก่อสร้างภาครัฐ และภาคเอกชน ส่งผลให้ตลาดรับเหมาก่อสร้างมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ประกอบกับการเข้ามาแข่งขันของผู้รับเหมาก่อสร้างชาวจีน ยังเป็นความท้าทายสำคัญให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังนำมาสู่การใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างจากจีนมากขึ้น โดยเฉพาะเหล็กและอะลูมิเนียม ส่งผลกระทบต่อเนื่องตลอดซัพพลายเชน ของภาคก่อสร้างไทย และคาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในระยะข้างหน้า
ผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มที่มีศักยภาพในการแข่งขัน เป็นกลุ่มที่มีความร่วมมือกับพันธมิตร และปรับกลยุทธ์การก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความล่าช้าในการเปิดประมูลงานโครงการก่อสร้างภาครัฐ การฟื้นตัวช้าของตลาดที่อยู่อาศัย รวมถึงภาวะ Oversupply ของพื้นที่อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ
ดังนั้นผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ให้สามารถปรับการรับงานโครงการก่อสร้างภาครัฐและเอกชน ได้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงมีความร่วมมือกับพันธมิตรเข้าประมูลงานได้อย่างหลากหลาย จะเป็นกลุ่มที่สามารถรักษารายได้ และสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ
อีกทั้ง เทรนด์ ESG เป็นแรงกดดันให้ผู้รับเหมาก่อสร้างต้องเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลงทุนเทคโนโลยีที่ลดมลภาวะ ตลอดจนยกระดับความสามารถในการดำเนินโครงการก่อสร้างที่ตอบโจทย์ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น อาคารประหยัดพลังงาน โครงการที่ขอรับมาตรฐานด้านความยั่งยืน
ทั้งนี้ยังระบุอีกว่า มูลค่าภาคก่อสร้างในไทยโดยรวมอยู่ที่รวมปีละ 1.4 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้กว่า 57% เป็นการก่อสร้างภาครัฐและอีก 43% เป็นการก่อสร้างภาคเอกชน โดยผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เฉพาะกลุ่มที่รับงานก่อสร้างโครงการภาครัฐและภาคเอกชนเป็นหลัก จำนวน 19 ราย มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันคิดเป็น 15% ของมูลค่าภาคก่อสร้างโดยรวม ขณะที่ส่วนแบ่งอีก 85% กระจายไปยังผู้รับเหมาก่อสร้างรายกลางและเล็ก
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า ในปี 2024 มีการจัดตั้งกิจการรับเหมาก่อสร้างใหม่จำนวน 7,090 ราย เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2023 สำหรับการปิดกิจการในปี 2024 มีจำนวน 2,270 หน่วย ลดลง 2% จากปี 2023 นับเป็นสถานการณ์การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของการประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หลังจากที่ในระยะที่ผ่านมา มีการปิดกิจการในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนการปิดกิจการขยายตัว 7% และ 30% ในปี 2023 และ 2022 ตามลำดับ