กรมที่ดิน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.), สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และกรมธนารักษ์ลงนามโครงการความร่วมมือในการผลิตและพัฒนากำลังคนคุณภาพสูงด้านเทคนิควิศวกรรมสำรวจ รองรับความต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และเพิ่มโอกาสให้เยาวชนมีเส้นทางสู่อาชีพที่มั่นคง
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐมีความต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการรังวัดที่ดินและการสำรวจอย่างมาก โดยเฉพาะกรมที่ดิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดทำข้อมูลแผนที่ที่ดินทั่วประเทศ ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ครั้งนี้ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมบุคลากรให้สามารถเข้าสู่ระบบราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรมที่ดินมีภารกิจสำคัญในการดูแลเรื่องการรังวัดที่ดิน การจัดทำเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และการพัฒนาระบบข้อมูลที่ดินให้ทันสมัย จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ภายในปี 2570-2572 หน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการจะเปิดรับบรรจุนักศึกษาจากโครงการรวม 225 อัตรา เพื่อป้อนกำลังคนเข้าสู่ภาครัฐโดยตรงโดยกรมที่ดินจะเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักที่รับบุคลากรจากโครงการนี้ โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาได้รับการยกเว้นสอบภาค ก. ของ ก.พ. หากผ่านเกณฑ์ที่กำหนด และมีโอกาสเข้าทำงานราชการตามเงื่อนไขของหน่วยงาน
ทั้งนี้ หลักสูตรดังกล่าวได้เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ sv.ovec.go.th และที่วิทยาลัยเทคนิค 8 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ 1.วิทยาลัยเทคนิคดุสิต 2.วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ 3.วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก 4.วิทยาลัยเทคนิคแพร่ 5.วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร 6.วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น 7.วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์ 8.วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ โครงการนี้มีการพัฒนาหลักสูตรเทคนิควิศวกรรมสำรวจ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) โดยเพิ่มรายวิชาใหม่ “การรังวัดที่ดิน” ให้ทันสมัย รองรับเทคโนโลยีสำรวจยุคดิจิทัล และออกแบบการเรียนรู้แบบทวิภาคี (เรียน 1 ปี ฝึกงานในหน่วยงานรัฐ 1 ปี)
อธิบดีกรมที่ดินกล่าวต่อว่า การร่วมมือกับ สอศ.ครั้งนี้จะช่วยให้กรมที่ดินมีบุคลากรที่มีความรู้และทักษะตรงกับงาน สามารถปฏิบัติงานได้ทันทีหลังจบการศึกษา ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อหน่วยงานและประชาชนความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยพัฒนากำลังคนด้านสำรวจ รองรับความต้องการของประเทศ และเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างบุคลากรภาครัฐให้แข็งแกร่งต่อไป