สทนช.ประเมินปีนี้ปริมาณฝนมาก เตรียมระบายน้ำ 21 เขื่อนรับมือ จัดงาน ‘วันน้ำโลก’ 21 มี.ค.ปลุกปกป้องไม่ให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลาย
GH News March 17, 2025 06:12 PM

17 มี.ค. 2568 –  ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานเนื่องในวันน้ำโลก ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายหลังการประชุมคณะทำงานวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์น้ำ และขับเคลื่อนแผนบูรณาการการแจ้งเตือนอุทกภัยทั้งระบบ ครั้งที่ 3/ โดยกล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดให้วันที่ 22 มีนาคม ของทุกปีเป็น “วันน้ำโลก (World Water Day)” เพื่อกระตุ้นให้ทั่วโลกร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมา สทนช. ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ ได้เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมวันน้ำโลกในนามรัฐบาลไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นเตือนทุกภาคส่วนถึงความสำคัญของน้ำและปัญหาด้านน้ำในปัจจุบัน รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์  เชิญชวนให้ประชาชนเกิดความสนใจในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ

เลขาธิการ.สทนช.กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์น้ำปีนี้ว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่ปรากฎการณ์ ลานินญา ที่เป็นกลาง และจะอยู่ในภาวะเป็นกลางตลอดไปจนถึงสิ้นปี ซี่งจะทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอ  โดยสนทช. ประเมินว่าปริมาณฝนของประเทศทั้งปีจะมากกว่าค่าปกติ ประมาณ 15%   คาดว่าปริมาณฝนในเดือนมีนาคมเฉลี่ยจะมากกว่าปกติ และเดือนเมษายน ปริมาณฝนมากกว่าปกติประมาณ  49% และมีความเสี่ยงเกิดพายุฤดูร้อน  โดยเฉพาะในภาคตะวันออกปริมาณฝนจะสูงมาก ชาวสวนทุเรียนต้องเฝ้าระวังให้ดี  แม้ในบางพื้นที่ในฤดูแล้ง จะมีปัญหาขาดแคลนน้ำ แต่ได้มีการบริหารจัดการ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตการประปาส่วนภูมิภาค มีการจัดหาน้ำเจาะบ่อบาดาล และสูบน้ำจากแหล่งน้ำอื่นเข้าไป เพื่อไม่ให้ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค   

ส่วนในดือนพฤษภาคม จนถึงกรกฎาคม มีแนวโน้มว่าฝนจะมาเร็ว ทั้งสทนช.และกรมอุตุนิยมวิทยา ประเมินว่าในเดือนกรกฎาคมจะมีฝนมากกว่าปกติ 17% ส่วนในเดือนมิถุนายนปริมาณฝนมากกว่าปกติ 1% และปริมาณฝนจะลดลงในเดือนสิงหาคม กันยายนปริมาณฝนจะน้อยกว่าปกติ 8%ส่วนเดือนตุลาคม ที่คาดว่าปริมาณฝนจะมากกว่าปกติ 29% ฝนจะไล่จากภาคเหนือลงมา

จากการประเมินว่าปริมาณฝนปี2568 จะมากกว่าปกติ  ดร.สุรสีห์ กล่าวว่า ทำให้สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ร่วมกันประเมินข้อมูลน้ำฝน จากแหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง 64 แห่ง และความน่าจะเป็น เพื่อจำลองสาถนการณ์อ่างเก็บน้ำต่างๆ ว่าจะมีปริมาณน้ำเท่าไหร่และใช้เกณฑ์กรณีที่มีน้ำมากค่าสูงสุด เพื่อปรับแผนการระบายน้ำ  โดยได้วางแผนที่จะพร่องปริมาณน้ำในเชื่อนขนาดใหญ่ 21 เขื่อน  เนื่องจากในภาพรวมทั้ง 21เขื่อนจะมีปริมาณน้ำประมาณ 65% ในปีนี้หรือมีปริมาณน้ำโดยรวมประมาณ 51,989 ลูกบาศก์เมตร มากกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 63 %  ซึ่งการระบายน้ำในเชื่อนก็เพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะเติมเข้ามา  การระบายน้ำจะเริ่มจากเขื่อนสิริกิติ์ ที่มีปริมาณน้ำ 60 % เป็นเขื่อนแรก

“การพร่องน้ำจากเขื่อน เป็นการมองภาพระยะยาว ไม่ใช่คิดว่ายังเขื่อนยังมีพื้นที่รับน้ำได้อีก 30-40%  แล้วค่อยไประบายทีหลังก็ได้  เราจะไม่ทำอย่างนั้น แต่จะค่อยๆพร่องน้ำออกไป เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ปลายน้ำ โดยยึดหลักให้น้ำชนแล้ง  ไม่ใช่น้ำชนน้ำ  มองน้ำที่ระบา่ยจะต้องไปตามลุ่มน้ำ และกลุ่มลุ่มน้ำ “เลขาธิการ.สทนช.กล่าว

การเตรียมการระบบเตือนภัยเพื่อรับมือกับปริมาณฝนที่มากกว่าปกติ และอาจทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ดินถล่มเหมือนปีที่แล้วที่เกิดเหตุน้ำท่วมหนักจ.เชียงราย  ดร.สุรสีห์กล่าวว่า  คณะกรรมการน้ำแห่งชาติได้มีมติรับมือฤดูฝนปีนี้  พร้อมทั้งมีการชี้เป้าพื้นที่เสี่ยง อันเป็นพื้นที่เปราะบาง เช่น โรงพยาบาล ศูนย์ดูแลคนชรา โรงเรียน เพื่อจะได้ป้องกันและแจ้งเตือนได้ทันเหตุการณ์  พร้อมเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ทำแผนเผชิญเหตุ และฟื้นฟู โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มีหน้าที่ในการเตือนภัย ซึ่งจะปรับยุทธศาสตร์และรูปแบบการเตือนภัย เพื่อให้เข้าถึงการรับรู้ของประชาชน โดยจะมีการเตือนภัยเป็นภาษาถิ่น ใช้ทุกช่องทางให้ข่าวสารถึงประชาชน

“ข้อมูลเตือนภัยจะมีความแม่นยำมากขึ้น และทันท่วงที มีการติดตั้งเครื่องมือหรือโทรมาตร วัดปริมาณน้ำฝน น้ำท่า ทำแผนให้ชัดเจน อย่างพื้นที่แม่สาย เราจะขุดลอกแม่น้ำแม่สาย และลำน้ำแม่ปิง ซึ่งอาจมีโคลนมากจากปีที่แล้วทำให้ตื้นเขิน จะได้รองรับกับปริมาณน้ำได้มากขี้น  การพัฒนาพื้นที่แก้มลิง โดยเฉพาะภาคกลางก็ต้องมีการเตรียมการรับมือให้ดี เพราะจะมีฝนตกมากในเดือนกันยายน-ตุลาคม  และยังมีน้ำเหนือ น้ำทะเลหนุนสูง ต้องเฝ้าระวังให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วม“

สำหรับงานวันน้ำโลกในปี 2568 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 21 มีนาคม 2568 ณ ห้องแคทลียา ชั้น 1 โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ในงานจะมีการฉายวิดีทัศน์การแถลงสารจากนายกรัฐมนตรี เพื่อประกาศนโยบายและเจตนารมณ์ในการรณรงค์ให้เกิดการอนุรักษ์แหล่งน้ำ ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และร่วมปรับตัวต่อสถานการณ์น้ำของโลก ทั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม เป็นประธานในพิธี  ซึ่งงานปีนี้จัดในประเด็นที่ UN กำหนด คือ “Glacier Preservation” หรือ “การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง” ภายใต้แนวคิด “น้ำคือชีวิต การอนุรักษ์น้ำและธารน้ำแข็งเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” ซึ่งเป็นวาระสำคัญระดับโลก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งน้ำทั่วโลก โดยเฉพาะธารน้ำแข็งซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ราว 18,600 จุด ในพื้นที่มรดกโลก 50 แห่ง คิดเป็นพื้นที่กว่า 66,000 ตารางกิโลเมตร ที่กำลังละลายอย่างรวดเร็ว และคาดว่ากว่า 1 ใน 3 ของจำนวนธารน้ำแข็งทั้งหมด จะหายไปในอีกไม่ถึง 30 ปีข้างหน้า ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำสายสำคัญ ระดับน้ำทะเล ระบบนิเวศชายฝั่ง การเกิดอุทกภัย และการสูญเสียแหล่งน้ำจืดสำหรับการอุปโภคบริโภค เกษตรกรรม ความมั่นคงทางอาหาร ไปจนถึงอุตสาหกรรมทั่วโลก

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีจะเยี่ยมชมนิทรรศการซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญภายในงาน ที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของน้ำและธารน้ำแข็ง รวมถึงประเด็นทรัพยากรน้ำในประเทศไทย เช่น น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำทะเลหนุนสูง ตลอดจนแนวทางการอนุรักษ์และบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ “Climate Change Adaptation” หรือ “การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม ร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองจากตัวแทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ครอบคลุม 6 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย 1. ผลกระทบจากน้ำป่าและดินโคลนถล่ม โดย ร.ต.อ.เด่นวุฒิ จันต๊ะขัติ นายก อบต.เกาะช้าง จังหวัดเชียงราย 2. ปัญหาภัยแล้งและน้ำทะเลหนุนสูง โดย นายสมปอง รัศมิทัต นายก อบต.บางยอ จังหวัดสมุทรปราการ 3. ภัยพิบัติน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก โดย นายดอเล๊าะอาลี สาแม ประธานเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ชายแดนใต้ 4. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย ผู้แทนกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม 5. แนวทางการเตรียมการรับมือของประเทศไทย โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. และ 6. การรณรงค์ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม โดย นางสาวเข็มอัปสร สิริสุขะ ผู้แทนประชาสัมพันธ์ (Brand Ambassador) ด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ ของ สทนช. 

“ทั้งนี้ สทนช. ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมงานวันน้ำโลก ปี 2568 หรือติดตามรับชมกิจกรรมภายในงานผ่านการถ่ายทอดสดทาง Facebook Live ของ สทนช. ตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป เพื่อร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของน้ำและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมหาแนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เพราะ “น้ำคือชีวิต” ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันดูแลรักษา เพื่อให้โลกของเราคงความสมดุลและยั่งยืนต่อไปในอนาคต”เลขาธิการสนทช.กล่าว .

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.