เปิดใจ หนุ่มชุดขาวปีนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นั่งสมาธิ อ้างครอบครัวโดนกลั่นแกล้งจนเสียที่ดิน
ข่าวสด March 17, 2025 09:40 PM

เปิดใจ หนุ่มชุดขาวปีนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นั่งสมาธิ อ้างครอบครัวโดนกลั่นแกล้งจนเสียที่ดิน ซ้ำยังโดนข้อหาหมิ่นประมาททั้งที่ไม่ได้ทำ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 17 มี.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ รับแจ้งเหตุชายปีนไปนั่งบนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถือป้ายยังไม่ทราบว่าเขียนข้อความอะไรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้พูดคุยและเจรจา ให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล

จากนั้นเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าเจรจากับชายคนดังกล่าว โดยทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนายนนท์ เป็นชาวจังหวัดสุโขทัย โดยเจ้าหน้าตำรวจพยายามที่จะให้นายนนท์ลงมาด้านล่างแต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งนายนนท์พยายามขอพูดคุยกับบุคคลที่มีชื่อเสียงเช่น นายกรัฐมนตรี นายเอก สายไหมต้องรอด แอ๊ด คาราบาว ตูน บอดี้สแลม ปูพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เป็นต้น

จากนั้น พ.ต.อ.ประสิทธิ์ วิรัตยาภรณ์ ผกก. สน. สำราญราษฎร์ ได้ปีนขึ้นไปบนบันไดเพื่อเจรจาด้วยตัวเอง และได้ต่อสายให้พูดคุยกับญาติของนายนนท์ จนเวลา 18.00 น. นายนนท์ก็ได้ลงมาแต่โดยดี

นายนนท์ เปิดเผยว่า ความเป็นประชาธิปไตยของไทยในขณะนี้ไม่มีความเป็นธรรม ครอบครัวตนเองได้รับความเดือดร้อน พยายามที่จะขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานต่างๆแต่ก็เป็นผล พร้อมกันนั้นได้เปิดใจให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวว่า ครอบครัวของตนเองโดนโกงที่ดินไป หลังจากนั้นก็ไปคัดค้านต่อศาล

และหลังจากนั้นตนเองและคู่กรณีก็ได้มีการตกลงต่อหน้าศาลว่าคู่กรณีจะคืนที่ดินให้และให้ครอบครัว และทนายฝ่ายตนเองได้แนะนำให้ ตนเองนั้นยกเลิกคำคัดค้าน แต่หลังจากนั้นที่ดินกลับไม่ถูกคืนให้ตามที่ตกลงกัน หลังจากนั้นครอบครัวตนเองได้รับหนังสือมาว่า ตนเองไปถอนคำคัดค้านเองจึงทำให้เสียที่ดินนั้นไป

ตนได้ไปตามเรื่องที่ศาล กลับพบว่าในวันที่ตกลงกันต่อหน้าศาลกลับไม่มีบันทึกดังกล่าว ซึ่งตนเองก็อยากรู้ว่าทำไมถึงไม่มีบันทึกข้อตกลงในวันนั้น หลังจากนั้นตนเองจึงขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานต่างๆในเรื่องนี้แต่ก็ไม่มีใครช่วยได้

และอีกหนึ่งเรื่องตนเองโดนคดีฟ้องหมิ่นประมาท ทั้งที่ไม่ได้ไปหมิ่นประมาทใคร โดยเรื่องเกิดจาก คดีที่มาจากที่ดิน โดยมีการให้แบ่งจ่ายค่ารังวัดทั้งสองฝ่าย แต่เมื่อไปถึงที่ดินอีกฝ่ายกลับบอกให้แม่ของตนเองนั้นออกเงินค่ารังวัดไปก่อน หลังจากนั้นจึงไปทวงค่ารังวัดกับนายก อบต. แห่งหนึ่งซึ่งเป็นคู่พิพาทกับตน

ซึ่งวันนั้นเจอกันในงานศพ ซึ่งนายกอบต. ก็บอกว่าค่อยกลับไปคุยกันอีกครั้งที่บ้าน แต่หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์มีตำรวจมาหาตนเองที่บ้านพร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่าตนเองไปหมิ่นประมาทนายกอบต. คนนั้น ทั้งที่ความเป็นจริงตนเองไม่ได้กล่าวหาหรือพูดใส่ร้ายนายกอบต.แต่อย่างใด

ส่วนคดีความที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่าจะเป็นการวางแผนใส่ร้ายตนเองและครอบครัว และก็ถูกบังคับไม่ให้เอาความคู่กรณี และให้ยอมความเรื่องทั้งหมด ตนเองไม่สามารถเชื่อถือกฎหมายได้อีกต่อไปแล้ว และตนเองก็อยากขอคุยกับคนที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้

อย่างไรก็ตาม เจ้าที่ตำรวจจะดำเนินการส่งตัวไปยังที่สน.สำราญราษฎร์เพื่อให้สงบสติอารมณ์และสอบถามความเป็นมาอีกครั้งจากนั้นจะดำเนินการส่งโรงพยาบาลตรวจร่างกาย และหากไม่เป็นอะไรก็จะส่งกลับที่พักต่อไป

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.