โครงการเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ในเฟส 3 ที่นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ประกาศกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น 16-20 ปี ซึ่งจะต้องใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” สแกนคิวอาร์โค้ด ในร้านค้าเขตหรืออำเภอที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ และวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลไปพร้อมๆ กัน
ประเด็นแจกให้วัยรุ่น วิพากษ์วิจารณ์กันหลายแง่มุม
บ้างก็ว่าเป็นวัยที่ยังไม่มีความรอบคอบในการใช้จ่าย ยังไม่ใช่กลุ่มคนที่เสียภาษีแต่ได้เงินไปใช้ 1 หมื่นบาท
บ้างก็มองไปไกล ตำหนิรัฐบาล มุ่งแต่จะสร้างเศรษฐกิจ แต่ไม่คิดในทางสังคม ไม่คิดจะสร้างเด็กในวัยนี้ ให้เติบโตในการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ
บ้างก็ว่า รัฐมุ่งหาเสียงกับคนรุ่นใหม่ เพื่อหวังผลในทางการเมือง
ขณะที่เหตุผลของฝ่ายรัฐบาลก็ชัดเจนว่า ครั้งนี้เป็นการแจกเงิน 1 หมื่นในระบบดิจิทัลวอลเล็ตจริงๆ เป็นครั้งแรก เป็นกลุ่มที่รอบรู้ทางเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายในระบบวอลเล็ตจริงๆ!!
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า
โครงการดิจิทัล 1 หมื่นครั้งนี้ เรียกว่าเฟส 3 แต่จริงๆ อยากจะเรียกว่าเป็นเฟสแรกมากกว่า
เพราะเป็นการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตครั้งแรก ข้อดี คือสามารถควบคุมการใช้เงิน กำหนดกรอบการใช้จ่ายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ได้!
ถ้าย้อนไปดูเฟส 1 และเฟส 2 ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง จึงเป็นการแจกเงิน 1 หมื่นเป็นเงินสด ผลก็คือ ควบคุมเป้าหมายการใช้จ่ายไม่ได้ กำหนดพื้นที่การจับจ่ายไม่ได้
จนทำให้โดนวิจารณ์หนักว่า กระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก!?!
หากเราย้อนไปฟังคำกล่าวของแกนนำรัฐบาลทุกระดับ พูดเอาไว้ในเฟสแรกๆ แล้วว่า เมื่อไม่ใช่การแจกผ่านวอลเล็ต ก็จะไม่ตรงเป้าหมายมากนัก ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจรุนแรง
แต่จำเป็นต้องแจก เพราะระบบดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่เสร็จสมบูรณ์
อีกทั้งชาวบ้านอยู่ในภาวะฝืดเคืองอย่างมาก จำเป็นต้องมีเงินเติมเข้าในระบบเพื่อการใช้จ่าย
เฟส 3 นี่แหละ ที่จะเป็นการแจกผ่านดิจิทัลวอลเล็ตแท้จริง เพื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าตามที่กำหนด และตามพื้นที่อำเภอในทะเบียนบ้าน เพื่อให้เงินกระจายไปทั่วประเทศ!
การเริ่มที่กลุ่มวัยซึ่งเชี่ยวชำนาญโลกดิจิทัลที่สุด จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายได้
อีกทั้งจะเป็นการปูพื้นฐานให้สังคมก้าวต่อไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
โดยถึงที่สุดแล้ว สังคมไทยจะต้องไปสู่ยุคเลิกใช้เงินสด ใช้จ่ายผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น
ทั่วโลกกำลังมุ่งไปสู่ระบบนี้
เพื่อให้การเงินในประเทศเข้าสู่ระบบ แก้ปัญหาเงินใต้ดิน เงินใต้โต๊ะ
รวมทั้งแก้ปัญหาธุรกิจใต้ดินที่ทำให้เงินหายไปจากระบบ เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองในยุคนี้!
วงค์ ตาวัน