“พอลลีน งามพริ้ง” ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เมื่อปีที่แล้ว ตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กำลังขู่จะฟ้องร้อง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ คนปัจจุบัน
หลังจากที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แถลงข่าวมีประเด็นพาดพิงถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมฯ หลายข้อ ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศ ได้ส่งหนังสือถึง มาดามแป้ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขอหลักฐานที่ มาดามแป้ง บอกว่า พล.ต.อ.สมยศ รับเงินเดือนไปรวม 32 ล้านบาท โต้ว่ารับน้อยกว่านั้นมาก และทยอยบริจาคกลับคืนไปแล้ว
ล่าสุด วันที่ 17 มี.ค. 68 พล.ต.อ.สมยศ ส่งหนังสือถึง นางนวลพรรณ ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายดำเนินคดีฟ้องร้องตนเองตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พิสูจน์ความจริงตามกฎหมาย จากกรณีที่นางนวลพรรณ และคณะ พูดพาดพิง
หลังมีหนังสือปรากฏต่อสื่อมวลชน พอลลีน โพสต์ในเฟซบุ๊ก จดหมายดังกล่าว ข้อความว่า
“สมยศ ส่งจดหมายฉบับที่ 2 ท้ามาดามแป้งให้ฟ้อง อ่านดีๆ จะพบว่ามีความหมายแฝงอะไรบางอย่างอยู่รึเปล่า”
จากนั้นมาคอมเมนต์ขยายความ วงในประโยคหนึ่ง พร้อมข้อความว่า “มาดามแป้งไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ ดูเหมือนเจตนาให้มีผลทางคดีความ หรืออาจเป็นคำขู่ว่าอาจฟ้องกลับ”
นอกจากนี้ ยังโพสต์เป็นปริศนาอีกว่า “คนที่จะเชือดยศ ไม่ใช่มาดามแป้งหรอก แต่คือคนที่เอายศมานั่นแหละ”
สำหรับจดหมายฉบับล่าสุดของ พล.ต.อ.สมยศ ข้อความทั้งหมดดังนี้
“ด้วยเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2568 เวลากลางวัน ณ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นางนวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และคณะ ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ อย่างแพร่หลาย ว่าข้าพเจ้าในขณะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้กระทำการสร้างความเสื่อมเสีย เสียหาย ชั่วร้าย แก่วงการฟุตบอล จนทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าข้าพเจ้าเป็นคนไม่ดี จนข้าพเจ้าถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง”
“ทั้งนี้ ท่านและคณะ ล้วนเป็นคณะผู้บริหารสมาคมฯ ในปัจจุบัน ย่อมทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมทั้งกระบวนการ บริบทปัจจัยทางการบริหารจัดการสมาคมฯ ทั้งหมดอยู่แล้ว แต่กลับออกไปแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์ในลักษณะสร้างความเสื่อมเสียแก่ข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้ามิอาจล่วงรู้เจตนาที่แท้จริงของการออกมา แถลงข่าว ให้สัมภาษณ์ ของนายกสมาคมฯ และคณะ ว่าที่ให้ข้อมูลกับสาธารณชนโดยอาจคล้ายบิดเบือน ให้ข้อมูลขาดตอน ขาดสาระสำคัญอันเป็นข้อเท็จจริง เป็นไปโดยสุจริตหรือไม่ ทว่าการให้ข่าวดังกล่าวก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง สร้างความเสียหายต่อข้าพเจ้า”
หนังสือระบุต่อไปว่า “อย่างไรก็ตาม หากเห็นว่าการกระทำของข้าพเจ้า ตามที่ท่านและคณะแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์ เป็นความผิดต่อกฎหมายต่อข้อบังคับลักษณะการปกครองของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และข้อบังคับ บริษัท ไทยลีก จำกัด ใคร่ขอให้ท่านในฐานะผู้แทนผู้มีอำนาจกระทำการแทนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อเปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าได้พิสูจน์ความจริงต่อไป”