จับ 2 ชาวเวียดนามทำรถรับจ้างไทยซวย ขนตราประทับ-พาสปอร์ต-เอกสารปลอมจากแม่สายไปเชียงแสน
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ต.อ.อนุพันธ์ กันถารัตน์ ผกก.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย พ.ต.อ.พงษ์พิเชษฐ์ นิลจันทร์ ผกก.2 บก.ทท.2 ร่วมกับด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงแสน ตำรวจน้ำและฝ่ายปกครอง อ.เชียงแสน มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว น.ส.วรรณภัทร อายุ 43 ปี ชาว ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย นาย Tuan Vinh Nguyen อายุ 33 ปีและนาย Van Lqi Mai อายุ 38 ปี ชาวสัญชาติเวียดนาม พร้อมของกลางตราประทับตรวจอนุญาตเดินทางเข้าและออกราชอาณาจักรไทยจำนวน 6 ชิ้น กัมพูชาจำนวน 4 ชิ้นและเวียดนามจำนวน 4 ชิ้น เครื่องตัดกระดาษ แผงยางสำหรับทำตราประทับดังกล่าวเป็นสีส้มจำนวน 2 ชิ้น รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถืออีกหลายเครื่อง หนังสือเดินทางระหว่างประเทศของประเทศจีน 27 เล่ม และของเวียดนาม 54 เล่ม ฯลฯ โดยให้ดำเนินคดีกับทั้ง 3 คนในข้อหา “ร่วมกันปลอมขึ้นซึ่งดวงตรา รอยตรา หรือแผ่นปะตรวจลงตราที่ใช้ในการลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ”
หลังจากหัวค่ำวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เชียงแสน ได้ตรวจพบรถยนต์เก๋งต้องสงสัย 2 คัน จอดอยู่ริมถนนหน้าโรงเรียนห้วยเกี๋ยง หมู่ 8 ต.เวียง อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-สปป.ลาว ติดกับแม่น้ำโขง จึงเข้าไปตรวจสอบ น.ส.วรรณภัทร เป็นคนขับรถส่วนชาวเวียดนามทั้ง 2 คนนั่งโดยสารและกำลังขนกล่องพัสดุ 1 กล่องออกจากกระโปรงท้ายรถที่ น.ส.วรรณภัทร ขับเพื่อจะเอาไปเก็บในรถยนต์เก๋งอีกคันหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามพบว่าชาวเวียดนามทั้ง 2 คน ไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจค้นในกล่องก็พบของกลางทั้งหมด จึงได้นำทั้งหมดส่ง สภ.เชียงแสน และประสานด่าน ตม.และหน่วยงานอื่นๆ ร่วมบูรณาการตรวจสอบ
จากการสอบถาม น.ส.วรรณภัทร ได้รับการว่าจ้างให้ไปรับชาวเวียดนามทั้งคู่มาจากชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อจะพาไปส่งที่ อ.เชียงแสน แลกกับเงิน 800 บาทซึ่งตามปกติก็ขับรถจ้างเส้นทางนี้อยู่แล้วและไม่ทราบว่ากล่องพัสดุของลูกค้ามีสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนชาวเวียดนามให้การผ่านล่ามว่าเป็นคนว่าจ้าง น.ส.วรรณภัทร ให้พาไปส่งจริงเพราะต้องการจะเดินทางข้ามแม่น้ำโขงไปยัง สปป.ลาว แต่ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องกล่องพัสดุ เจ้าหน้าที่จึงสอบคนขับรถอีกคนก็ให้การซัดทอดว่าชาวเวียดนามทั้งคู่เป็นคนขนกล่องพัสดุขึ้นลงรถเองโดยไม่ยอมให้ น.ส.วรรณภัทร หรือคนอื่นๆ เข้าไปถือ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย.