ไอซ์ ไม่หวั่น สุชาติฟ้อง 50 ล้าน บอกมาเลย จะได้เรียกข้อมูลประกันสังคม มาเปิดเผย
จากกรณี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่งทนายไปฟ้อง น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. และ นายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน ความผิดฐานหมิ่นประมาท กรณีกล่าวพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้งบลงทุนซื้อตึก SKYY9 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงาน โดยเรียกค่าเสียหายที่ทำให้เสียชื่อเสียง 50 ล้านบาท (รวมทั้ง 2 คน) โดยระบุว่า เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เพื่อป้องกันเกียรติศักดิ์ศรีของตนและคนในครอบครัว เพราะวันก่อนพ่อและแม่ตนนั่งรถเข็นมาสอบถามด้วยความเป็นห่วง และจะเดินทางไปเบิกความ ในวันที่ศาลนัดไต่สวนคดีดังกล่าวด้วยตัวเอง ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ได้โพสตตอบกลับ นายสุชาติ ชมกลิ่น โดย ไอซ์ ได้แคปโพสต์หนึ่งของนายสุชาติที่ระบว่า “ผมจะเดินทางไปเบิกความเอง การเป็น สส. วุฒิภาวะขนาดนี้ การจะกล่าวหาใคร มันต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน ตรวจสอบ อภิปรายในสภา หรือในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไป จะมากล่าวหาในที่สาธารณะไม่ได้ ไม่ใช่หน้าที่ สส. ทำเกินหน้าที่ ศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. โดยผมจะเดินทางมาเบิกความด้วยตัวเอง”
โดย โพสต์ดังกล่าวของ น.ส.รักชนก ระบุว่า “หน้าที่หลักของผู้แทนราษฎร คือ ต้องปกป้องผลประโยชน์พ่อแม่พี่น้องประชาชน แม้ว่าเค้าจะเลือกเราหรือไม่เลือกเราก็ตาม
การพูดในสภา หรือ พูดในที่สาธารณะ ถ้าพูดโดยสุจริตพูดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ควรต้องพูดได้ทั้งนั้น คำว่าทำเกินหน้าที่คืออะไรกัน การเป็น ส.ส. ถ้าต้องรอพูดแค่ในสภาเท่านั้น ก็คงเรียกได้ว่าเสียชาติเกิดในหน้าที่ ประชาชนเลือก ส.ส. มาเป็นผู้แทน ต้องพูดแทนพวกเค้าและรักษาผลประโยชน์ให้พวกเค้า ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองจะเป็น ส.ส. ไปเพื่ออะไร
สำนักงานประกันสังคม อยู่ในเงามืดมาหลายยุคหลายสมัย มีคนแวะเวียนเข้ามาหาประโยชน์ตักตวงดื่มกินกระดิ่งหมดเวลาดัง แล้วก็เปลี่ยนวงมาใหม่ ถึงเวลามีคนมาสะกิดแผล หนองที่เน่าในก็ทะลัก
น่าแปลก คนที่เคยมีประสบการณ์พบเจอกับสิ่งแปลกประหลาดต่างๆ ในกองทุนประกันสังคม น่าจะต้องยินดีที่มีคนเข้ามาพูดถึงปัญหาของกองทุนประกันสังคม แล้วควรจะร่วมด้วยช่วยกันทำให้มันโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อความยั่งยืน และเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ประกันตน แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะอะไรกัน ถึงต้องร้อนรนเมื่อประกันสังคมถูกตรวจสอบอย่างหนัก
ถือเป็นโอกาสดี ถ้าเข้าสู่ชั้นสู้คดีเมื่อไหร่ อาจจะได้ขอเรียกหลักฐาน เช่น ‘บันทึกชวเลข’ ในทุกการประชุม ของทุกบอร์ดและทุกอนุ ย้อนหลังแล้วเอามาเปิดให้ผู้ประกันตนทั้งประเทศได้อ่านว่าเค้าคุยอะไรกัน พูดเพื่อประโยชน์ของใครกันบ้างจะกี่ฟ้องก็มาเลย ไม่เคยหวั่น รู้อยู่แล้วว่ามาอยู่ตรงนี้ ต้องเจออะไรบ้าง ยืดอกรับหมด จะได้รู้ๆ กันไป”
