อุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าในภาคพื้นยุโรปยังไม่กลับมาอย่างเต็มที่ ด้วยการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของยุโรป ส่งผลให้ตลาดเอเชียเติบโตได้ดีกว่า คาดปี 2568 อุตสาหกรรม Exhibition ทั่วโลก ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ากว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวประมาณ 5 - 7% ต่อปี ส่วนประเทศไทยรับอานิสงส์เติบโตประมาณ 6 - 8% จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ การขยายตลาดมาเอเชีย และที่สำคัญนโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลไทย ปีนี้ TEA เตรียมจัดงาน Thailand MICE X-Change 2025 งานแสดงผลิตภัณฑ์ บริการและนวัตกรรมสำหรับการแสดงสินค้าและการจัดประชุม ระหว่างวันที่ 2 - 3 เมษายน 2568 ณ พารากอน ฮอลล์
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2568 นางสาวปนิษฐา บุรี นายกสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA กล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) ทั่วโลก ยังเติบโตต่อเนื่องคาดว่าจะขยายตัวราว 5-7% ต่อปี ด้วยมูลค่ากว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท) สะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการขับเคลื่อนของเทคโนโลยี และนวัตกรรมซึ่งจะถูกนำมาใช้เพิ่มประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมงานและผู้แสดงสินค้า โดยเอเชียจะเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว และการปรับตัวทางดิจิทัล ทำให้เกิดความสะดวกในการจัดงาน เช่น ใน จีน และ อินเดีย ส่งผลให้ตลาดงานแสดงสินค้าในภูมิภาคนี้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการผลิต
ส่วนของอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าไทย ยังคงเติบโตจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป เกิดการขยายตลาดมาเอเชีย รวมถึงฮ่องกงซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเอ็กซิบิชั่นของเอเชีย มีปัญหาภายใน และที่สำคัญที่สุดคือนโยบายของรัฐบาลไทยในการสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้า ส่งผลให้งานกลุ่มไมซ์กำลังเติบโตอย่างชัดเจนในด้านการท่องเที่ยวและการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ
ในปีที่ผ่านมา จากสถิติของสำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) ปี 2567 พบว่า จำนวนงานแสดงสินค้านานาชาติ B2B มีกว่า 145 งาน ผู้ร่วมงานต่างชาติ 358,645 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสู่ประเทศ 54,275 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2568 งานแสดงสินค้าจะเติบโตราว 6-8% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเติบโตในตลาดใหม่ และตลาดในเอเชียจะช่วยกระตุ้นการจัดงานแสดงสินค้ามากขึ้น
อีกทั้งในปีนี้จะเห็นว่าผู้จัดงานแสดงสินค้าและผู้แสดงสินค้าจะมีการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ที่ล้ำสมัยและเชื่อมโยงผู้เข้าชมจากทั่วโลกเข้าสู่โลกเสมือนจริง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและขยายกลุ่มผู้เข้าร่วมงานจากทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้การใช้ แพลตฟอร์มดิจิทัล สำหรับการจับคู่ธุรกิจ (Business Matchmaking) จะทำให้การเจรจาธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่แนวโน้มอนาคตงานแสดงสินค้า จะเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อาทิ เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ที่มีการใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ เช่น 5G, IoT และ Cloud Computing การขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะงานแสดงสินค้าทางด้าน ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles) และโลจิสติกส์อัจฉริยะ (Smart Logistics) อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ที่มุ่งเน้นในเรื่องของพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน
นางสาวปนิษฐา กล่าวถึงบทบาทของสมาคมฯ ว่า ส่งเสริมและพัฒนาสมาชิก ด้วยให้นำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AR/VR, Big Data, AI มาปรับใช้ในการจัดงานแสดงสินค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้าร่วม และช่วยให้ผู้แสดงสินค้าสามารถนำเสนอสินค้าในรูปแบบที่น่าสนใจและทันสมัยยิ่งขึ้น การพัฒนาอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าผ่านนวัตกรรม และความร่วมมือจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มการจ้างงาน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
เทรนด์การจัดงานยังมุ่งไปที่ Sustainability, Net zero emission, Carbon neutrality โดยจะมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่างเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ปัจจุบันการจัด Exhibition ไม่ได้มุ่งเป้าที่ยอดผู้เข้าชมงานเหมือนในอดีต แต่มองถึงคุณภาพของผู้เข้าชมงานที่ตอบโจทย์กับงานในปีนี้ สมาคมฯ จะมีการผนึกพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนใหม่ๆ เพื่อให้ Eco System โต และยังเป็นการสร้างสตาร์ทอัพ และ ผู้ร่วมแสดงสินค้า (Exhibitors) ที่มีแนวคิดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น งาน Thailand MICE X-Change 2025 (TMX25) งานแสดงผลิตภัณฑ์ บริการและนวัตกรรมสำหรับการแสดงสินค้าและการจัดประชุม เป็นอีกหนึ่งงานสำคัญที่จะทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ให้ได้แจ้งเกิด
นางสาวปนิษฐา กล่าวว่า สำหรับงาน TMX25 จัดขึ้นปีนี้เป็นปีที่ 2 ภายใต้ธีม “NEXHIBITION” ระหว่างวันที่ 2 - 3 เมษายน 2568 ณ พารากอน ฮอลล์ โดยปีนี้ผู้เข้าชมงานจะได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร รวมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AR/VR, Big Data, AI มาปรับใช้ในการจัดงานแสดงสินค้า ช่วยยกระดับการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุมในรูปแบบที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ แนวทางการออกบูทตามแบบ ECO Friendly ด้วยอินโนเวชั่น เป็นต้น ภายในงานยังมีหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจอีกมาก ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ นับเป็นการเปิดประตูสู่การขยายตลาดใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยผู้เข้าชมงานจากฝ่ายการตลาดบริษัทเอกชน ผู้รับบริหารโครงการจัดงานภาครัฐ ฝ่ายจัดซื้อ ครีเอทีฟ บริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้า งานอีเวนต์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัด International Pavilion ของประเทศต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้นางสาวปนิษฐา ยังมีอีกหนึ่งภารกิจระดับชาติ กับการรับตำแหน่งประธานสมาคมการแสดงสินค้าโลก (UFI The Global Association of the Exhibition Industry) ซึ่งจะเริ่มเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนนี้ นับเป็นหญิงไทยคนแรกและคนไทยคนเดียวที่ได้รับโอกาสให้เข้ามาบริหารงานใน UFI ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นทั้งออร์แกนไนเซอร์ ผู้จัดงาน สถานที่จัดงานรวมกว่าพันรายทั่วโลก มีอายุกว่า 100 ปี มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
นางสาวปนิษฐา กล่าวถึงการได้รับตำแหน่งนี้ว่า ถือเป็น Life Changing เพราะเป็นโอกาสที่หาได้ยากในการได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับ CEO จากทั่วโลก เป็นประสบการณ์ที่มีค่าในการเรียนรู้ และพัฒนาวงการไมซ์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน