สำหรับแฟนบอลยุคปลายทศวรรษที่ 90 ถึงต้น 2000 คงไม่มีใครไม่รู้จัก ฮิเดโตชิ นากาตะ อดีตจอมทัพทีมชาติญี่ปุ่น อย่างแน่นอน

นากาตะ เริ่มต้นค้าแข้งกับ เบลล์มาเร ฮิราสึกะ และโด่งดังสุดขีดเมื่อย้ายไปค้าแข้งในศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี กับ เปรูจา เมื่อปี 1998 รวมทั้งยังเคยลงเล่นให้ทีมดังอย่าง โรมา, ปาร์มา, โบโลญญา และ ฟิออเรนตินา อีกด้วย

นอกจากนี้ “ฮิเดะ” ยังเคยย้ายมาโชว์ฝีเท้าในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาล 2005/06 เช่นกัน

ทว่าอยู่ๆ นากาตะ ก็ช็อกแฟนบอลด้วยการตัดสินใจแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียง 29 ปี หรือ หลังจากลงรับใช้ ทีมชาติญี่ปุ่น ในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี โดยลงเล่นในเกมที่ ซามูไรบลูส์ แพ้ บราซิล 1-4 ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เป็นการสั่งลา

อย่างไรก็ตาม นากาตะ ยืนยันผ่านบทสัมภาษณ์กับ ดิ แอธเลติก สื่อเจ้าดังว่า ไม่เคยเสียใจกับการตัดสินหันหลังให้สังเวียนหญ้าตั้งแต่อายุยังไม่แตะหลัก 3 เพราะตัวเขาทำทุกอย่างตามเสียงเรียกร้องของหัวใจเท่านั้น

นากาตะ กล่าวว่า “ผมไม่เคยฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่มันก็เกิดขึ้น ผมลงเล่นในฟุตบอลโลก ได้ไปเล่นในอิตาลี และในอังกฤษ ผมลงเล่นด้วยแรงปรารถนาทุกครั้ง”

“ผมไม่ใช่แฟนฟุตบอล ผมชอบเล่นฟุตบอล ผมเสียแรงปรารถนาในฟุตบอลไป นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมเลิกเล่น ถ้าผมไม่มีแรงปรารถนาอีกแล้ว (ถ้าขืนเล่นต่อไป) มันก็เหมือนผมกำลังโกหกตัวเอง”

นอกจากนี้ นากาตะ วัย 48 ปี ยังเปิดเผยถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้ตัวเขาเริ่มสนใจ และตัดสินใจเล่นฟุตบอลอีกด้วยว่า เป็นเพราะได้อ่านมังงะชื่อดังอย่าง กัปตันซึบาสะ

“ตอนนั้น ไม่มีใครฝันถึงการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ กีฬาอันดับ 1 ในญี่ปุ่นคือเบสบอล แต่สุดท้ายผมก็หลงรักการ์ตูนมังงะเรื่อง กัปตันซึบาสะ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเล่นฟุตบอล”

หลังจากแขวนสตั๊ด นากาตะ ไม่เคยมีความคิดที่จะทำงานในวงการฟุตบอลแม้แต่น้อย แต่ตัดสินใจที่จะมองหาแรงปรารถนาในเรื่องอื่นด้วยการท่องเที่ยวไปทั่วโลก และสุดท้าย ฮิเดะ ก็หลงรักใน สาเก สุราชื่อดังประจำแดนอาทิตย์อุทัย และกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน สาเก ในที่สุด

“ตอนผมแขวนสตั๊ดด้วยอายุ 29 ปี หลายคนบอกผมว่า “นายยังเล่นได้อยู่เล่ย” หรือไม่ก็บอกว่า “ทำไมไม่ทำงานในวงการฟุตบอลจะเป็นโค้ช หรือ อะไรก็ได้” แต่ผมไม่ใช่คนที่เลือกทำอะไรเพราะทำได้ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ผมเลือกจะทำเพราะผมอยากจะทำมัน”

“ผมทำสิ่งที่ชอบ ดังนั้นถ้าผมชอบแฟชัน ผมก็จะทำเรื่องแฟชัน ถ้าผมชอบเรื่องวัฒนธรรมอื่นๆ ผมก็จะทำเรื่องวัฒนธรรมอื่นๆ ถ้าผมชอบสาเก ผมก็ทำสาเก บางครั้งคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจว่า เพราะอะไร มันเป็นเพราะผมกำลังทำมันด้วยแรงปรารถนา” นากาตะ ทิ้งท้าย.

ภาพ AFP