ฤา ‘วีซ่าฟรี’ กลายเป็นปัจจัยลบ
SUB_TIK March 19, 2025 09:40 AM
คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า

ถ้าจำกันได้ 25 กันยายน 2566 เป็นวันแรกของการใช้มาตรการ Visa Exemption หรือวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน

วันนั้นรัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนอย่างครึกครื้นใน 4 สนามบินหลักคือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต

และในเวลานั้น ใคร ๆ ก็บอกว่ามาตรการนี้เป็น “ยาแรง” ใช้เร่งกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทย พร้อมคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะไหลกลับมาเช่นเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19

ขณะที่หลายฝ่ายได้แสดงความเป็นห่วง ว่าการเปิดให้คนจีนหลั่งไหลเข้ามาแบบไม่มีการคัดกรองนั้น เป็นการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวด้อยคุณภาพเข้ามาหาประโยชน์จากทรัพยากรของไทย

หรือพูดตรง ๆ ก็คืออาจทำให้ “กลุ่มทุนสีเทา” มาปักหลักในประเทศไทย และสร้างปัญหาที่กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ และเกิดปัญหาใหม่ ๆ ทั้งปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

และก็ไม่ได้เกินคาดหมาย เพราะท่ามกลางการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงปีกว่า ๆ ที่ผ่านมานั้น ก็มีปรากฏการณ์ที่เป็น “ผลกระทบ” มากมาย โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ต ถ้ายังจำกันได้เกิดข่าวฮือฮามากเมื่อฝรั่งชาวสวิสสร้างวีรกรรม “เตะหมอ” ที่ภูเก็ต

ข่าวนักท่องเที่ยวนิวซีแลนด์แย่งปืนทำร้ายตำรวจหลังถูกเรียกเพราะไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร หรือข่าวนักท่องเที่ยวเยอรมันทุบหัวโชเฟอร์แท็กซี่เพราะไม่พอใจที่ถูกเตือนไม่ให้สูบบุหรี่บนรถ ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังพบปัญหาใหม่เกิดขึ้นเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของ “ทัวร์ทุบตลาด” ที่ว่ากันว่าเลวร้ายยิ่งกว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือการเข้ามาลงทุนในการทำธุรกิจ ทั้งเปิดร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ขายสินค้าที่ระลึก เรือนำเที่ยว รถนำเที่ยว ฯลฯ โดยใช้ “นอมินี” กระทั่งถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเป็นไกด์แย่งงานคนไทย

และที่น่าจะหนักสุดคือ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยมหาศาล ประเทศไทยกลายเป็นเมืองทางผ่านของอาชญากรข้ามชาติ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในเรื่อง “ความปลอดภัย” ของนักท่องเที่ยวจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แทบจะเรียกได้ว่า วันนี้ “วีซ่าฟรี” ได้กลายสถานะจาก “ปัจจัยบวก” เป็น “ปัจจัยลบ” ไปเรียบร้อยแล้ว

และก็น่าจะพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่า “วีซ่าฟรี” ไม่ได้ทำให้การท่องเที่ยวของไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนจริง ๆ แต่กลับได้ “ปัญหา” จนล่าสุดคนท่องเที่ยวออกมาร้องขอให้รัฐบาลพิจารณาลดวีซ่าฟรีให้เหลือ 30 วัน

ที่สำคัญ ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้รัฐบาลเองก็ไม่ได้การันตีว่าจะควบคุมได้ และไม่ให้ส่งผลกระทบไปถึงอนาคตในวันข้างหน้า

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวทั้งหลายก็ต่างยอมรับว่า ประเด็นที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนชะลอมาเที่ยวเมืองไทยวันนี้ล้วนเป็นผลจากความไม่เชื่อมั่นในเรื่องของ “ความปลอดภัย” ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งสิ้น

คำถามคือ รัฐบาลจะเดินต่ออย่างไร เมื่อวันนี้นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยชะลอตัวแรงเหลือแค่ 8-9 พันคนต่อวัน จากเฉลี่ยกว่า 2 หมื่นคนต่อวัน จากจำนวน 7-8 แสนคนต่อเดือน เหลือเพียงแค่ 3 แสนคนเศษ ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เอกชนคนทำทัวร์หลายคนบอกว่า “กรุ๊ปทัวร์” เป็นตลาดที่มีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยว หากรัฐบาลต้องการได้ “จำนวน” นักท่องเที่ยวจีนฟื้นกลับมา จำเป็นต้องหามาตรการจูงใจ ให้อินเซนทีฟกับสายการบินและบริษัทนำเที่ยว เพื่อให้กลับมาทำตลาดประเทศไทยอย่างเร่งด่วน

เพราะหากปล่อยไว้นานเกินไปโอกาสที่สายการบินกับบริษัทนำเที่ยวจะเปลี่ยนเดสติเนชั่นการขายไปที่อื่นแบบถาวร ซึ่งจะทำให้ “จีนเที่ยวไทย” หายแล้วหายเลยมีสูงมาก

ประเด็นนี้น่าคิดตามนะคะ…

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.