สมาคมรถบรรทุกขนส่งสินค้าอีสานชี้ต้นทุนโลจิสติกส์พุ่ง ทั้งน้ำมัน ดอกเบี้ยสูง เฉพาะรถในสมาคมหายไปกว่า 40% ปล่อยรถถูกยึด บางรายจอดพักยาว บางรายกู้เงินดอกเบี้ยสูงมาพยุงธุรกิจให้รอด วอนรัฐช่วยพยุงธุรกิจ

นายกิตติศักดิ์ ประเทืองชัยศรี นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 20 จังหวัดประสบปัญหาอย่างหนักต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้ว เนื่องจากต้องแบกรับภาระต้นทุนในการประกอบกิจการเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ไม่มีเงินเพียงพอที่จะผ่อนชำระธนาคารหรือไฟแนนซ์ยึดไป ทำให้มีรถโดนยึดไปเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะรถของผู้ประกอบการในสมาคมที่มีอยู่กว่า 20,000 คัน ปัจจุบันจำนวนรถหายไปกว่า 8,000 คัน หรือกว่า 40% หลายรายประคองธุรกิจต่อไปไม่ไหว ต้องยุติกิจการไป บางรายจอดรถพักยาว ขณะที่บางรายยอมกู้เงินดอกเบี้ยสูงมาพยุงธุรกิจต่อ จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา

“โดยเฉพาะต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลที่สูง 33 บาทกว่า/ลิตร ในขณะที่ราคาน้ำมันของประเทศเพื่อนบ้านถูกกว่าไทยมาก ดอกเบี้ยการผ่อนชำระสูงร้อยละ 20-25 เพื่อให้มีเงินมาหมุนเวียนพยุงธุรกิจ ขณะที่ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อเพิ่ม โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ไม่มีใครตอบได้อย่างชัดเจนเลยว่า ทำไมเงินจึงไปกองอยู่จุดเดียว ทำไมเงินไม่กระจายออกไป รวมถึง มีต้นทุนเครื่องมือที่ต้องนำมาใช้ในการประกอบกิจการ ต้องจัดซื้อจัดหามาในราคาที่แพง เพราะเงื่อนไขกำแพงภาษีนำเข้า” นายกิตติศักดิ์กล่าวและว่า

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการโดนบีบด้วยข้อบังคับต่าง ๆ ต้องลงทุนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้นทุนต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น แต่ภาครัฐมองไม่เห็น เช่น เรื่อง TSM ระบบจัดการบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง, เรื่องการตรวจมาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุก Q Mark เรื่องลดมลพิษ ลดควันดำ ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้รถบรรทุกรุ่นใหม่ ๆ จึงจะทำได้ ส่วนรถบรรทุกรุ่นเก่า ๆ ต้องถูกจำหน่ายออกไปเป็นจำนวนมาก

“ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าประสบปัญหาเหมือนกันทั้ง 20 จังหวัด จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐได้เห็นใจ หันมามองในบริบทของการประกอบการขนส่งสินค้าอย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้แก้ปัญหากันเองเพียงฝ่ายเดียว จนปัญหาลุกลามถึงขั้นต้องจอดรถทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่มีแรงผลักดันให้ธุรกิจเดินหน้าต่อ ซึ่งหากรถขนส่งสินค้าที่เป็นฟันเฟืองหลักในระบบโลจิสติกส์มีจำนวนลดลงไปเรื่อย ๆ ย่อมส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศได้”

นายกิตติศักดิ์กล่าวต่อไปว่า เรื่องการเงินเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะต้นทุนสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการทุกรายกำลังแบกภาระอยู่ อยากให้ภาครัฐหาทางช่วยปรับอัตราดอกเบี้ยให้ถูกลง และเป็นดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับธุรกิจการเดินรถขนส่งสินค้า เพราะตอนนี้แต่ละปัญหาที่กำลังประสบ

ทำให้การประคองธุรกิจให้เดินหน้าต่อทำได้ลำบากมาก มีแต่รายจ่ายบีบรัดเข้ามาทุกด้าน ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่สู้ต่อไม่ไหวต้องปิดกิจการลง หรือจอดรถทิ้งไว้เฉย ๆ ดีกว่าออกวิ่งแล้วขาดทุน คงมีเพียงเรื่องบุคลากร เช่น พนักงานขับรถ หรือแรงงาน ที่ผู้ประกอบการยังพอสู้ได้

อยากให้ภาครัฐเห็นใจ และมองเห็นความยากลำบากของธุรกิจขนส่งสินค้าในปัจจุบันด้วย อยากให้เข้ามาช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน ซึ่งมีเรื่องหลัก ๆ 2-3 เรื่องที่จะทำให้ต้นทุนในระบบโลจิสติกส์ถูกลง โดยเฉพาะต้นทุนด้านพลังงาน จะเอาพลังงานสะอาดมาช่วยก็ได้

เพียงแต่ภาครัฐต้องสนับสนุนช่วยผู้ประกอบการตรงนี้ รัฐบาลต้องทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าพลังงานต่าง ๆ ถูกลง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในประเทศ ซึ่งธุรกิจขนส่งสินค้ายังมีต้นทุนเครื่องมือในการประกอบกิจการอีก เพดานภาษีนำเข้ารถยนต์ไม่ควรจะแพงนัก

นอกจากนี้ อยากให้ภาครัฐสนับสนุนเรื่องการจัดฝึกอบรมให้ผู้ประกอบกิจการ และพนักงานขนส่งสินค้าได้ทราบข้อกฎหมายระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ว่าจะต้องปฏิบัติ ต้องทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง เพราะทุกวันนี้ ภาครัฐตีกรอบให้เดินตามที่ภาครัฐต้องการ แต่ทั้งหมดคือต้นทุนของผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าแต่ละราย ไม่มีรายได้มากพอจากการประกอบกิจการ จึงไม่มีกำลังที่จะไปดำเนินการตามกรอบที่ภาครัฐกำหนดเพิ่มขึ้นมา ถึงขนาดที่เพิ่งจะซื้อรถใหม่มา แต่ต้องปล่อยให้โดนยึดไป