ล้างหนี้กองทุนน้ำมัน ติดลบใกล้ 6 หมื่นล้าน 
GH News March 19, 2025 02:01 PM
ล้างหนี้กองทุนน้ำมัน ติดลบใกล้ 6 หมื่นล้าน 
สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเวลานี้ ทำให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) หรือ OFFO หายใจโล่งขึ้น เพราะปัจจุบันติดลบเข้าใกล้ 60,000 ล้านบาทแล้ว
หลังปี 2565 เคยติดลบสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ทะลุ 130,000 ล้านบาท
โดยตัวเลขฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการล่าสุด รายงานผ่านเว็ปไซต์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) หรือ OFFO พบว่า สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 16 มีนาคม 2568 มีฐานะติดลบเหลือระดับ 62,396 ล้านบาท
ลดลงจากวันที่ 9 มีนาคม 2568 ซึ่งติดลบอยู่ที่ 64,528 ล้านบาท 
และลดลงจากวันที่ 2 มีนาคม 2568 ซึ่งติดลบอยู่ที่ 66,419 ล้านบาท
เป็นการลดลงเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2,000 ล้านบาท
คาดว่าสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 23 มีนาคม 2568 จะแตะ 60,000 ล้านบาทได้ไม่ยาก
ฐานะกองทุนน้ำมันฯที่ติดลบลดลงเป็นมาจากราคาตลาดโลกที่ค่อนข้างทรงตัว แม้การมาของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สมัยที่ 2 หรือ ทรัมป์ 2.0 ที่ยกเลิกการสนับสนุนพลังงานสีเขียว แต่สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังมีอยู่ ทำให้ราคาพลังงานยังผันผวน
โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซล 2.67 บาทต่อลิตร และเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้เบนซิน 1.16 – 4.60 บาทต่อลิตร
ราคาขายปลีก ดังนี้
– ดีเซล อยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร 
-เบนซิน95 อยู่ที่ 42.94 บาทต่อลิตร 
-แก๊สโซฮอล์95 อยู่ที่ 34.65 บาทต่อลิตร 
-แก๊สโซฮอล์91 อยู่ที่ 34.28 บาทต่อลิตร 
-อี20 อยู่ที่ 32.44 บาทต่อลิตร 
-อี85 อยู่ที่ 30.79
ด้านข้อมูลจาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกวันที่ 19 มีนาคม 2568 พบว่า ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังความกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มคลี่คลาย
โดยราคาเวสต์เท็กซัสอยู่ที่ 66.90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 0.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 
ขณะที่ เบรนท์ 70.56 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 0.51 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 
และดูไบ 73.08 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามาจาก
1.ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดลง หลังการหารือระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียถึงมาตรการยุติสงครามในยูเครนที่ดำเนินมาถึง 3 ปี จบลงด้วยดี โดยประธานาธิบดีปูตินเห็นด้วยกับข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ให้รัสเซียและยูเครนหยุดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเป็นระยะเวลา 1 เดือน และหากสงครามยุติลงอาจนำไป สู่การผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรต่อการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซีย
2.ตลาดยังคงกังวลต่อนโนบายภาษีการค้าของรัฐบาลทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อศรษฐกิจและกดดันความต้องการใช้น้ำมันดิบ หลังองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ว่ามาตรการภาษีการค้าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ แคนาดาและแม็กซิโกชะลอตัวลง รวมถึงอาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงสู่ระดับ3.1% และ 3.0% ในปี 2568 และ 2569 ตามลำดับ ซึ่งปรับลดลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ระดับ 3.3% สำหรับทั้ง 2 ปี
3.หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 มี.ค. 68 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4.59 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น เพียง 1.17 ล้านบาร์เรล
ขณะที่ตลาดสิงคโปร์ ในส่วนของราคาน้ำมันเบนซิน 81.98 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.94 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการ ใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ยังคงตัวอยู่ในระดับสูง ประกอบกับฟิลิปปินส์นำเข้าน้ำมันเบนซินจากสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 0.043 ล้านต้น ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 มี.ค. 68 สะท้อนอุปสงค์น้ำมันเบนซินในฟิลิปปินส์ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นช่วงก่อนเทศกาล Good Friday
ขณะที่ราคาดีเซล 86.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดีเซลของออสเตรเลียในเดือน ม.ค. 68 ปรับลดลงกว่า 13.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 15.7 ล้านบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันดีเซลภายในประเทศที่อ่อนแอ อีกทั้งอุปทานในจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในช่วงเดือน 2 เดือนแรกของปี 68 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 3.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า
โดยสกนช. ตั้งเป้าหมายเดินหน้ารักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง โดยใช้กองทุนน้ำมันฯเข้าดูแลสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวน
พร้อมเดินหน้าชำระหนี้เงินกู้ยืมเงินต้นและดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน ที่วงเงินรวม 105,333 ล้านบาทเพื่อรักษาเสถียรภาพกองทุนช่วงที่ติดลบอย่างหนัก
โดย สกนช.มีกำหนดแผนชำระหนี้เสร็จในปี 2571!!
© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.