อุดม โปร่งฟ้า นายก อบจ.สุพรรณบุรี ‘ทำให้ อบจ.เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง’
“อุดม โปร่งฟ้า” หรือ ดร.อุดม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ป้ายแดงแห่งเมืองเหน่อสุพรรณบุุรี ถือเป็นอีกหนึ่งนักการเมืองหน้าใหม่ที่ลงสนามครั้งแรกแต่สามารถล้มแชมป์เก่าหลายสมัยได้สำเร็จ เพิ่งเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงสนับสนุนของกองเชียร์เสื้อชมพู รวมทั้ง “บิ๊กท็อป-วราวุธ ศิลปอาชา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ “ประภัตร โพธสุธน” เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา มาร่วมแสดงความยินดีในโอกาสเข้าทำงานวันแรก
สำหรับเส้นทางของนายกอุดม ในอดีตเป็นเด็กวัดชายทุ่ง ต.ท่าระหัด อ.เมืองสุพรรณบุรี จบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และประกอบอาชีพทนายความ ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้นักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดังมากมาย ยังได้รับการชักนำให้ลงสนามการเมืองสมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2544 ในนามพรรคชาติไทย และเคยลงสมัคร ส.ส.ยโสธร แต่สอบตก เป็นความผิดหวังที่จุดประกายการเริ่มต้นงานในแวดวงการเมืองตั้งแต่นั้นมา โดยทำงานในหลายพรรคการเมือง ในตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ จากอาชีพทนายความจนประสบความสำเร็จ กระทั่งตัดสินก้าวเข้าสู่สนามการเมืองท้องถิ่นในนามพรรคสีชมพู “ชาติไทยพัฒนา” ในวัย 61 ปี ลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.กับ “บุญชู จันทรสุวรรณ์” อดีตนายก อบจ.หลายสมัย และคว้าชัยชนะมาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นกว่า 2 แสนคะแนน
หลังเข้ารับตำแหน่ง นายกอุดมเปิดแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภา อบจ.ว่า ขอให้ความเชื่อมั่นแก่สภา อบจ.สุพรรณบุรี และประชาชนชาวสุพรรณบุรี ว่าจะบริหารงานราชการ อบจ.สุพรรณบุรี ด้วยความมานะอุตสาหะและซื่อสัตย์สุจริต โดยใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีมาปรับใช้ในการบริหารงาน พร้อมเปิดโอกาสให้ชาวสุพรรณบุรีและภาคส่วนต่างๆ มีส่วนร่วมพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกันแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรีภายใต้คำว่า 3 ท. “ทำจริง ทำทันที ทำต่อ” เพื่อชาวจังหวัดสุพรรณบุรีได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง โดยมีนโยบาย 7 ด้าน คือ ด้านการบริหารจัดการ, ด้านโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค, ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต, ด้านการท่องเที่ยว กีฬาและศิลปวัฒนธรรม, ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบโลจิสติกส์ และนโยบายการสืบสานปณิธานของ นายบรรหาร ศิลปอาชา
นายกอุดมเปิดเผยว่า จบการระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ต่อมาปี 2564 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้ในการทำประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งสร้างความภูมิใจมาก ที่ใช้คำนำหน้า ดร.ซึ่งมาจากการทำประโยชน์ให้สังคม และการรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์เป็นจริง มีศักดิ์และสิทธิตามปริญญา จึงนำมาใช้ในการหาเสียงด้วย ขณะที่คนส่วนใหญ่มักเรียกชื่อ ทนายอุดม
“นโยบายเป้าหมายในใจที่อยากทำให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เรื่องแรกที่อยากทำ คือ อยากทำให้เด็กที่เรียนจบแล้วกลับมาทำงานที่บ้านเกิด กลับมาอยู่บ้านเรา ไม่อยากให้ไปทำงานในกรุงเทพฯหรือที่อื่น อยากให้กลับสุพรรณบุรี เชื่อมั่นว่า จ.สุพรรณบุรี เป็นเมืองเกษตรกรรม ในเชิงท่องเที่ยว เรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีภูมิปัญญาท้องถิ่น มีพื้นที่เกษตรกรรม ทำนา ทำไร่ ทำสวน ครบหมด อยากส่งเสริมอาชีพ โดยใช้ต้นทุนที่มีอยู่ในทุกวันนี้ เราต้องเห็นค่าในสิ่งที่เรามีอยู่ ให้ทุกคนช่วยกลับมาพัฒนาบ้านเกิดของเรา
เรื่องที่สองที่อยากทำมาก และจะนำร่องเลย การพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้เป็นโรงพยาบาล D care เพื่อดูแลผู้ป่วยติดเตียง และรองรับผู้ป่วยที่ไม่แพร่ระบาดเชื้อ จะทำเป็นในส่วน Night day, Long day, weekday โดยใช้กำลังพล อสม.เข้ามามีบทบาทสำคัญช่วยขับเคลื่อน ช่วยดูแลผู้ป่วยที่ รพ.สต. โดยการจัดจ้างถูกต้องตามกฎระเบียบกฎหมาย ผมมองว่า รพ.สต.ของจังหวัดเรามีความพร้อม ทั้งสถานที่ที่สวยงาม มีอุปกรณ์ครบครัน มีบุคลากรคุณภาพ ซึ่งเรามีแผนในการพัฒนาและนำร่องทำ เพื่อใหเประชาชนจะได้มี รพ.สต.ที่มีคุณภาพในชุมชนไว้ใช้บริการ”
นอกจากนี้ นายก อบจ.คนใหม่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาและแก้ปัญหาบุคลากร เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน เพราะเวลานายก อบจ.คนใหม่เข้ามาทำงาน จะเกิดภาพการทำลายล้าง การแบ่งพรรค แบ่งพวก แบ่งฝ่าย โดยเห็นว่าการเข้าดำรงตำแหน่ง ในฐานะที่เป็นข้าราชการการเมือง ซึ่งมีหน้าที่บริหารงานเพื่อประชาชน จะต้องตั้งใจทำงานจริง โดยไม่สนใจว่าเป็นบุคลากรของผู้บริหารชุดเก่า หรือชุดใหม่ แต่สนใจว่าทำงานหรือไม่ ถ้าลอยตัว ทำงานในลักษณะกินแรงเพื่อน หาผลประโยชน์ ออกนอกลู่นอกทาง ก็คงต้องพิจารณา แต่หากบุคลการตั้งใจทำงาน ไม่เกี่ยงงาน หนักเอาเบาสู้ นำความรู้ความสามารถที่มีอยู่มาตั้งใจทำงาน และสนองนโยบายไปสู่เป้าหมายก็ไม่มีปัญหา เพราะพร้อมทำงานร่วมกันเพื่อพี่น้องประชาชนเป็นหลักอยู่แล้ว
“สำหรับทีมบริหารงาน ผมใช้ชุดใหม่ทั้งหมด ไม่เอาชุดเก่าเลย ผมไม่ใช่คนรุ่นใหม่ อายุเยอะแล้ว แต่เราเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปทำงาน ดังนั้น เราต้องเริ่มนำความคิดใหม่ๆ เข้าไปทำงาน ต้องทำงานไว ตามผมให้ทัน ทีมบริหารชุดใหม่ของผมเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง พร้อมทำงาน 24 ชั่วโมง ซึ่งผมมีนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นไอดอล เป็นแรงบันดาลใจ เป็นต้นแบบในการทำงาน เพราะได้เรียนรู้จากนายบรรหาร คือ เรื่องความละเอียด รอบคอบ มองไปที่เป้าหมาย ปลายทาง หลักการบริหารงานของผมเช่นกัน ผมนับ 1-10 เป้าหมายของเราคืออะไร เราได้อะไรระหว่างทาง เราต้องคิดแทนพี่น้องประชาชน ไม่ใช่รอพี่น้องประชาชนมาคิดแทนเรา ถ้าเราทำไม่ดี เราต้องฟังเสียงเตือนหรือติติง เราต้องหยุดทำ ถ้าไปดื้อรั้นมันไม่ใช่ การเป็นนักการเมืองที่ดีต้องฟังเสียงประชาชน แต่ต้องกล้าลงมือทำ ถ้าเราทำแล้วมีเสียงติง เราก็หยุด ถ้าเราทำแล้วมีเสียงชื่นชอบ ประชาชนส่วนใหญ่ได้ผลประโยชน์บนพื้นฐานของความสุจริต”
นายกอุดมยังกล่าวทิ้งท้ายว่า การเข้ามารับตำแหน่งนายก อบจ.ครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ชาวสุพรรณฯไว้วางใจและมอบให้ ได้สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บนความคาดหวังของพี่น้องประชาชน การทำงานของผมจึงเป็นโจทย์ที่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ผมและทีมบริหารจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีมาใช้บริหารงานให้ อบจ.สุพรรณบุรี เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง”