จากสถิติพบว่า ภาวะสายตาสั้นกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 ประชากรกว่า 50% ของโลกจะมีภาวะสายตาสั้น โดยเฉพาะในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตราภาวะสายตาสั้นสูงถึง80–90% สำหรับประเทศไทย แนวโน้มการเกิดสายตาสั้นในเด็กก็กำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับ ผลกระทบของภาวะสายตาสั้นต่อเด็กที่ไม่ควรมองข้าม ภาวะสายตาสั้นที่ไม่ได้รับการแก้ไข อาจทำให้ภาวะสายตาสั้นรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเรียนรู้และสุขภาพจิตของเด็ก การมองเห็นที่ไม่ชัดอาจนำไปสู่การแยกตัวทางสังคมและปัญหาทางอารมณ์ เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือความหงุดหงิด
ศุภชัย อาชีวะระงับโรค ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอสซีลอร์ลูซอตติกา โฮลเซล (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า EssilorLuxottica มีวิสัยทัศน์ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเลนส์ เพื่อปกป้องและส่งเสริมสุขภาพดวงตาที่ดี ภารกิจของเราคือการนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมที่ช่วยพัฒนาการมองเห็นของผู้คนทั่วโลก และลดความเสี่ยงของภาวะสายตาสั้นในเด็ก เราเชื่อมั่นว่าการจัดการภาวะสายตาสั้นตั้งแต่วัยเยาว์เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพดวงตาที่ยั่งยืนในอนาคต การจัดงานครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยยกระดับการมองเห็นในระดับโลก พร้อมทั้งกระตุ้นให้ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการจัดการภาวะสายตาสั้นของเด็ก เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพดวงตาในระยะยาว
การศึกษานี้เป็นการทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม ควบคุม และมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นในปี 2018ที่ โรงพยาบาลตาแห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์เหวินโจว ประเทศจีน กลุ่มเด็กที่เข้าร่วมการศึกษามีอายุระหว่าง 8-13 ปี เพื่อประเมินประสิทธิภาพในระยะยาว การศึกษานี้ได้รับการขยายระยะเวลา จากเดิม 2 ปี เป็น 3 ปี และต่อเนื่องจนถึงปีที่ 4 และ 5 โดยข้อมูลจากการศึกษาระบุว่า เลนส์ Essilor® Stellest® สามารถชะลอความก้าวหน้าของภาวะสายตาสั้นได้ถึง 1.75D และลดการยืดตัวของลูกตาได้เฉลี่ย 0.72 มม. ตลอดระยะเวลา 5 ปี สำหรับกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ถูกคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงประสิทธิภาพของเลนส์ในการชะลอภาวะสายตาสั้นในเด็กในปีที่ 5
ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพในการชะลอภาวะสายตาสั้นและการยืดตัวของลูกตายังคงมีอยู่ในกลุ่มเด็กที่มีอายุมากขึ้น (จนถึง 18 ปี) โดยเด็กที่เข้าร่วมการศึกษาจนครบปีที่ 5 มีอายุระหว่าง 13-18 ปี และมีแผนจะศึกษาต่อเนื่องอีก 2 ปีเพื่อประเมินประสิทธิภาพของเลนส์ในการควบคุมสายตาสั้นในระยะเวลา 7 ปี
พญ.เตือนใจ วงศ์วรเศรษฐ์ จักษุแพทย์จาก Vora Visions กล่าวถึงข้อกังวลที่เพิ่มขึ้นว่า ยิ่งเด็กเริ่มมีภาวะสายตาสั้นเร็วเท่าไร ภาวะสายตาสั้นก็จะมีแนวโน้มเพิ่มเร็วขึ้น เด็กที่มีภาวะสายตาสั้นตั้งแต่อายุน้อยจึงมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการพัฒนาเป็นภาวะสายตาสั้นระดับสูง (High Myopia) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางตาหลายประการ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาหลุดลอก จอประสาทตาเสื่อม และภาวะตาบอด ภาวะสายตาสั้นยังสามารถส่งผลกระทบ ต่อพฤติกรรมและสุขภาพจิตของเด็ก การมองเห็นที่พร่ามัวอาจเป็นอุปสรรคต่อผลการเรียนและลดความมั่นใจของเด็ก ซึ่งนำไปสู่ความวิตกกังวลและภาวะการเห็นคุณค่าในตนเองต่ำ
นพ. วิทวัส ทศพัฒนคร จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยาสำหรับเด็กและเวชศาสตร์ทั่วไป โรงพยาบาลพญาไท 1 กล่าวว่า ผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการตรวจพบและป้องกันภาวะสายตาสั้นตั้งแต่ระยะแรก เนื่องจากภาวะสายตาสั้นสามารถพัฒนาอย่างรวดเร็วไปสู่ภาวะสายตาสั้นขั้นรุนแรง การยืดตัวของแกนลูกตา (Axial elongation) ถือเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของความรุนแรงของภาวะสายตาสั้น กลยุทธ์ในการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ การใช้ยาหยอดตาที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถชะลอความก้าวหน้าของภาวะสายตาสั้น และการใช้แว่นสายตาควบคุมสายตาสั้นที่มีเทคโนโลยี Highly Aspherical Lenslet Targeted (H.A.L.T.) ซึ่งจากผลการศึกษาทางคลินิกพบว่า เด็กที่สวมใส่แว่นสายตาควบคุมสายตาสั้นมีอัตราการพัฒนาของภาวะสายตาสั้นช้ากว่าเด็กที่ใช้แว่นสายตาเลนส์ชั้นเดียวมาตรฐานโดยเฉลี่ยถึงสองเท่า
นพ. ซุน เฉิน-ซิน ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า การวัดความยาวแกนลูกตาร่วมกับค่ากำลังสายตา (Diopter levels) ในการประเมินประสิทธิผลของการรักษา โดยการยืดตัวของแกนลูกตาเป็นสาเหตุหลักของภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับสายตาสั้น การชะลอการยืดตัวของแกนลูกตาเป็นเป้าหมายหลักในการจัดการภาวะสายตาสั้น เนื่องจากการลดอัตราการยืดตัวของลูกตา มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนทางสายตาในอนาคต และช่วยป้องกันโรคร้ายแรงในระยะยาว
แอนเดอลีน หยาง หัวหน้าฝ่ายการแพทย์และวิชาชีพจาก EssilorLuxottica เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกาหลี และญี่ปุ่น ได้นำเสนอผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับเลนส์ Essilor® Stellest® ว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ได้แสดงผลการศึกษาระยะเวลา 5 ปีล่าสุดของเลนส์ Essilor® Stellest® เนื่องจากข้อมูลทางคลินิกระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและสมรรถนะอย่างต่อเนื่องของเลนส์ในการชะลอภาวะสายตาสั้นในเด็ก เราทราบดีว่าทุก ๆ Diopter มีความสำคัญ เราตั้งตารอที่จะนำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมาตรการต่อสู้กับภาวะสายตาสั้น เพื่อพาทุกคนเข้าใกล้การปกป้องการมองเห็นของเด็ก ๆ อีกขั้นหนึ่ง
ดร.มายูมิ ฟาง นักทัศนมาตรและผู้จัดการฝ่ายวิชาการและฝึกอบรมจาก บริษัท เอสซีลอร์ลูซอตติกา โฮลเซล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุปว่า “เลนส์ Stellest® ชะลอการเพิ่มขึ้นของสายตาสั้นได้เฉลี่ย 67% และ ชะลอการเพิ่มขึ้นของกระบอกตาได้เฉลี่ย 60% ในเด็กที่ใส่เลนส์ Stellest® ทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อย 12 ชั่วโมงต่อวัน ภายในระยะเวลา 5 ปี เด็กที่ใส่เลนส์ Stellest® มีค่าสายตาสั้นเพิ่มขึ้นเพียงครึ่งหนึ่งของเด็กที่ใช้เลนส์สายตาทั่วไป”