สอท.แถลงรวบ 5 คดี ล่าต่อเนื่องเครือข่ายโจรออนไลน์-บุหรี่ไฟฟ้า
GH News March 19, 2025 06:11 PM

วันที่ 19 มี.ค.68 ที่ บช.สอท. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 และ พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4, พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ล่าต่อเนื่องเครือข่ายโจรออนไลน์ -บุหรี่ไฟฟ้า

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่าตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าวจึวได้มอบหมาย ให้แต่ละกองบังคับการเร่งระดมกวาดล้างจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้แก่พี่น้องประชาชน จนนำมาสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจำนวน 3 ปฏิบัติการดังนี้

ปฏิบัติการที่ 1 พ.ต.ท.ทินกรณ์ ทองเปรม  สว.กก.1 บก.สอท.1 นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้าจับกุม นางสาวอาภรณ์ อายุ 36 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 4637/2567 ลงวันที่ 24 ก.ย.67 และ 5534/2567 ลงวันที่ 15 พ.ย.67 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้บริเวณหน้าพัก ในพื้นที่ ม.13 ต.น้ำชุน  อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้หาแหล่งกู้เงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ต่อมาได้สมัครทำการกู้เงิน แต่กลับต้องโอนเงินเพื่อสมัครสมาชิก ต่อมาคนร้ายก็หลอกให้โอนเงินเพี่อทำสัญญา ผู้เสียหายได้โอนเงินไปหลายต่อหลายครั้ง จนเป็นเงินจำนวน 82,858 บาท แต่กลับยังต้องให้โอนเงินเพิ่มอีกเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เงินที่กู้แต่อย่างใด

ปฏิบัติการที่ 2 พ.ต.ท.รังสรรค์ แสงรูจี, พ.ต.ท.ชัยวงศ์ ทองน้อย, พ.ต.ท.หญิง นิติยา เอกวงษา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด ร่วมกันเข้าจับกุม นายสุนันท์ อายุ 32 ปีตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5764/2567 ลงวันที่ 28 พ.ย.67 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ต้องเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด” 

สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงินลงทุนหุ้นในแพลตฟอร์มต่างประเทศ โดยคนร้ายอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ร่วมลงทุน โดยโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารคนร้าย จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 374,178 บาท ภายหลังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยให้การว่า เมื่อประมาณปี 2567 ตนอยู่บ้านที่สระแก้ว ได้มีเพื่อนที่เคยรู้จักกันมาชักชวน อ้างว่าเป็นงานง่ายๆ ได้เงินเร็ว ทำอยู่บ้านก็ได้ เพียงแค่เปิดบัญชีออนไลน์แล้วจะได้ค่าจ้างบัญชีละ 500 บาท ตนมีความสนใจจึงได้เปิดบัญชีให้ไปประมาณ 9 บัญชี ได้เงินมา 4,500 บาท โดยตนไม่ทราบมาก่อนว่าบัญชีของตนจะถูกนำไปใช้หลอกลวงบุคคลอื่น

ปฏิบัติการที่ 3 ร.ต.อ.วิเชษฐ์ โคตรบุตร, ร.ต.อ.สุริยา ลาแสง รอง สว.กก.1 บก.สอท.3 และ ร.ต.ท.กันตภณ บุตรภาวงศ์ รอง สว.(สส) กก.1 บก.สอท.3 ร่วมกันนำกำลังเข้าจับกุม น.ส.สุดฤทัย อายุ 35 ปี ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้นช่วยจําหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย รับไว้ โดยประการใดซึ่ง(บุหรี่ไฟฟ้า) และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า)ของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยเป็นของที่ไม่ผ่านด่านศุลกากรตาม พรบ.ศุลกากร มาตรา 242,246 ประกอบ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าในราชอาณาจักร พ.ศ.2557” โดยจับกุมตัวได้ที่ ร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.13 ต.เมืองใหม่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ “ปุ้ยสาวหลังลาย เฟสสำรอง” ซึ่งเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวเปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่ในแหล่งชุมชนห่างจากสถานศึกษา 400 เมตร และจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าร้านดังกล่าวเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ามาแล้วเมื่อปี 2567 เนื่องจากถูกร้องเรียนว่าได้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เยาวชนในพื้นที่ จึงได้ดำเนินการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายค้นได้สำเร็จ

กระทั่งช่วงเที่ยงของวันที่ 18 ม.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดหนองบัวลำภูที่ 10/2568 ลง 18 มี.ค.68 เข้าทำการตรวจค้นร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่13 ต.เมืองใหม่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู พบ น.ส.สุดฤทัย อายุ 35 ปี แสดงตนเป็นผู้ครอบครองสถานที่ดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าแบบชาร์จไฟฟ้า จำนวน 2 ,หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า คละสี คละกลิ่น จำนวน 24 ชิ้น, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า คละสี คละกลิ่น จำนวน 19 ขึ้น, หัวคอยน์หรือหัวจุดดูดบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 14 ชิ้น ซุกซ่อนอยู่ภายร้าน นอกจากนี้ได้จับกุม นายณัฐภูมิ อายุ 20 ปี ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ หรือรับไว้ด้วยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง” พร้อมของของกลางบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 8 ชิ้น โดยควบคุมตัวได้ที่บ้ายหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.2 ต.หนองแปน อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอื่นๆ เป็นประเด็นที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังให้ความสำคัญ ตำรวจไซเบอร์จึงเพิ่มความเข้มข้นในการสืบสวนและการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลและหาข้อมูลเชื่อมโยงไปยังระดับผู้ปฏิบัติรายอื่นๆ จนสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คอยสั่งการ เพื่อเร่งนำตัวผู้ต้องหาทั้งขบวนการมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ปฏิบัติการที่ 4 สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.สอท.5 ได้ดำเนินการสืบสวนพบว่าเว็บไซต์ชื่อ  “HengHengSlot789.com” เป็นเว็บไซต์พนันออนไลน์ มอมเมาประชาชน จากการสืบสวนพบว่าเว็บพนันดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนในระบบประมาณ 7 – 10 ล้านบาทต่อเดือน จึงได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 จนสามารถขอศาลอาญาออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด และหมายค้นเพื่อปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายดังกล่าว มีการแบ่งหน้าที่เป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มผู้ทำหน้าที่แอดมิน 2. กลุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นบัญชีธนาคารในเครือข่าย (บัญชีม้า) ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวทั้งหมด 3. กลุ่มผู้ถอนเงินหรือรับผลประโยชน์จากเว็บพนัน จำนวน 6 ราย  ต่อมาในวันที่ 18 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในเครือข่ายดังกล่าว ในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี และ จังหวัดเพชรบูรณ์ ผลการปิดล้อมตรวจค้นจับกุม จุดสำคัญในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายพีรณัฐ ขอสงวนนามสกุล อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1769/2568 ลง 13 มี.ค.68 ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนถอนเงินหรืออาจส่วนรับผลประโยชน์จากเว็บพนันดังกล่าว พร้อมของกลาง อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม

จากสอบถามนายพีรณัฐ ให้การปฏิเสธตลอดกล่าวหา โดยอ้างว่าตนเองทำหน้าที่จัดหาบัญชีธนาคารของบุคคลต่างด้าวให้เครือข่ายเว็บพนัน โดยจะได้ผลประโยชน์จากการจัดหาบัญชีม้าและถอนเงินในส่วนผลกำไรของตนเองจากบัญชีม้าที่ตนถืออยู่เช่นกัน และรวมถึงอ้างว่าไม่ได้มีส่วนเป็นผู้บริหารหรือดูแลด้านการเงินของเว็บพนันดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนไม่ปักใจเชื่อ และจะสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป

ส่วนอีกรายคือ นายอภิชาติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1764/2568 ลง 13 มี.ค.68 ซึ่งถูกจับกุมในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์  โดยทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าหน้าเว็บพนันในเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งในชั้นจับกุมนายอภิชาติฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การในสาระสำคัญว่าตนเองถูกว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคารในราคาบัญชีละ 3,000 บาท และมาทราบภายหลังถูกจับกุมว่าบัญชีธนาคารของตนเองถูกนำมาใช้เป็นบัญชีม้า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองรายในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสบคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”

ส่วนนายพีรณัฐ ซึ่งใช้บัญชีม้าในการถอนเงินได้ถูกแจ้งข้อกล่าวเพิ่มเติมในความผิดฐาน “ใช้บัตรเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนฯ” นำตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมทั้งสองรายนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 ดำเนินการตามกฎหมาย  ทั้งนี้ผู้ต้องหารายอื่นในเครือข่ายที่ถูกออกหมายจับแล้ว  เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 จะได้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวต่อไปและขยายผลผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป 

ปฏิบัติการที่ 5 บก.สอท.3 จับกุมเครือข่ายหลอกลงทุนทำภารกิจแอบอ้าง Shopee เสียหายกว่า 4 แสนบาท สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนโดยแอบอ้างเว็บไซต์ Shopee โดยพบข้อความโฆษณาเชิญชวนให้ร่วมลงทุน ผู้เสียหายสนใจได้กดลิงก์เข้าไปดู พบข้อความว่าจะได้ส่วนแบ่งผลกำไรเป็นค่าคอมภายใน 10 นาที เริ่มต้นให้กดรูปหัวใจ แล้วเข้าไปสั่งสินค้าลงรูปตะกร้า โดยช่วงแรกสามารถทำกำไรและถอนเงินได้จริง แต่เมื่อลงทุนในจำนวนมากขึ้น ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ รวมได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 417,566 บาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้สืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่ามีบัญชีปลายทางโอนเงินจำนวน 5 ราย จึงดำเนินการรวบรวบพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาล  และสามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับ นางสาวนาถตยา อายุ 23 ปี โดยจับกุมได้ที่หน้าห้องพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 

จากการสอบถามผู้ต้องหารับว่าเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกัมกันฟอกเงิน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.