‘กรมวิชาการเกษตร’ ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่  ‘ศูนย์กลางการเกษตรและอาหารปลอดภัยในภูมิภาค’
GH News March 19, 2025 06:40 PM

ภายใต้นโยบายขับเคลื่อนงานเกษตรของประเทศไทย โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญการยกระดับจากการทำเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่เกษตรทันสมัย ปลอดภัย และมูลค่าสูง ด้วยแนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยมี “กรมวิชาการเกษตร” ทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรให้กับเกษตรกร พร้อมให้คำแนะนำในการจัดการผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายตลาด ผ่านสถาบันวิจัย กอง สำนัก ศูนย์วิจัย และศูนย์เรียนรู้ที่อยู่ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศไทย 

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงแนวทางการทำงานให้สอดรับกับนโยบายดังกล่าวว่า การเป็นหน่วยงานหลักที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มี พ.ร.บ. ที่อยู่ในความรับผิดชอบ  6 พ.ร.บ. ได้แก่  พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ร.บ.กักพืช พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ร.บ.ควบคุมยาง และกฎหายอื่นๆ เห็นได้ถึงความสำคัญในการกำกับดูแลและการจัดการด้านการเกษตรของประเทศไทย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

“โดยเฉพาะเรื่องของการปรับปรุงพันธุ์พืชให้เหมาะสมและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกในปัจจุบัน เช่น ทำให้พืชปลูกมีความสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พูดง่ายๆ ก็คือ ทนร้อน ทนแล้ง ทนหนาว ต้านทานศัตรูพืช ทั้งโรคพืชและแมลงศัตรูพืช พร้อมกับให้ผลผลิตที่ดีกว่าเดิม นี้ถือเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของกรมวิชาการเกษตร”

ยกระดับการผลิต-แก้ปัญหาภาคเกษตร

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาในหลายด้าน ได้แก่ การพัฒนาพันธุ์พืชด้วยเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ที่มีความปลอดภัยสูง เช่น การปรับแต่งจีโนม (Gene Editing) ให้ได้พันธุ์พืชที่มีผลผลิตสูง เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถต้านทานศัตรูพืชได้ดี

“ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนนำไปสู่การประกาศระเบียบต่างๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอยู่ในกระบวนการคัดเลือกว่าจะใช้พืชชนิดใดบ้างเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ ตัวอย่างเช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในการปรับปรุงพันธุ์พืชตามบทบาทหน้าที่ภารกิจสำคัญของกรมวิชาการเกษตร”

นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยและส่งเสริมการใช้ชีวภัณฑ์ทางการเกษตรและปุ๋ยชีวภาพเพื่อลดหรือทดแทนการใช้สารเคมีทางการเกษตร ปลอดภัยต่อเกษตรกรผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ ไปจนถึงส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการทำเกษตรรูปแบบเดิมไปสู่ “การผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยมูลค่าสูง” ทั้งพืชผัก ผลไม้ พืชอุตสาหกรรม ไม้ดอกไม้ประดับ สมุนไพร หรือพืชที่มีคุณค่าในการผลิตสินค้าแปรรูปอื่นๆ ทั้งสร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าให้เกษตรกร เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดการส่งออกได้มากขึ้น

“อีกอย่างคือเรื่องของพืชตระกูลถั่ว เนื่องจากปัญหาในเรื่องของราคาข้าวตกต่ำ ไม่ว่าจะมาจากปริมาณพื้นที่ปลูกข้าว หรือประเทศไทยมีการปลูกข้าวมากกว่าความต้องการ ดังนั้น การลดพื้นที่ปลูกข้าว โดยเฉพาะนาปรัง แล้วหันมาปลูกพืชตระกูลถั่วทดแทน ตลาดพืชตระกูลถั่วเหล่านี้มีปริมาณความต้องการสูง ที่สำคัญมีการพักการปลูกนา สามารถที่จะใช้พืชตระกูลถั่วปรับปรุงบำรุงดิน ทำให้มีธาตุอาหารในดินสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องการแจ้งพี่น้องเกษตรกรที่สนใจว่า เรามีพืชเศรษฐกิจใหม่อีกหลายหลายที่จะทำให้เกิดรายได้มากยิ่งขึ้น”

ผลิตพืชคาร์บอนต่ำ ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เช่นเดียวกับการผลิตพืชคาร์บอนต่ำและการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจัดตั้ง “กองวิจัยพัฒนาพืชเศรษฐกิจใหม่และการจัดการก๊าซเรือนกระจกสำหรับภาคเกษตร” เพื่อทำในเรื่องการจัดการ การคำนวณ การทำ baseline การกักเก็บปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพืชเศรษฐกิจสำคัญ 6 ชนิด ได้แก่ มันสำปะหลัง ทุเรียน ปาล์มน้ำมัน ยางพารา อ้อย และข้าวโพด มีการจัดทำเป็นคู่มือให้กับพี่น้องเกษตรกร แนะนำการปลูกพืชเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ และเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง

นอกจากนี้ ยังมีพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ได้รับการวิจัยและพัฒนา ได้แก่ ผำ ที่มีโปรตีนสูง 46-48% ทดแทนเนื้อสัตว์ได้, หมาก มีมูลค่าส่งออกปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท, กัญชาและกัญชง ใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรม, กาแฟอัตลักษณ์ ที่มีคุณภาพและรสชาติเป็นเอกลักษณ์, ไผ่ และมะพร้าวน้ำหอม เป็นต้น

หนุนคนรุ่นใหม่สู่ “Young Smart Farmer”

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรย้ำถึงภาคการเกษตรเป็นฐานสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร ไม่ว่าเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากสงครามการค้าอย่างไร แต่ความต้องการอาหารยังคงมีอย่างต่อเนื่อง 

“เมื่อเทรนด์ของคนรุ่นใหม่หันมาสนใจภาคเกษตรมากยิ่งขึ้น ประกอบกับนโยบาย รมว.เกษตรและสหกรณ์ มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยมูลค่าสูง กรมวิชาการเกษตรจึงต้องสร้างองค์ความรู้ให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงว่า การเป็น Young Smart Farmer  นำไปสู่รายได้ที่สูงขึ้นนั้นมีจริงจากเกษตรกรต้นแบบและปราชญ์เกษตร” 

“กรมวิชาการเกษตรได้จัดทำโครงการ “76 จังหวัด 76 โมเดล (Best Practice) การผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยมูลค่าสูง” โดยคัดเลือกเกษตรกรต้นแบบจากทั่วประเทศ นำมาถอดบทเรียน องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งความสำเร็จมารวบรวมเป็นคู่มือเผยแพร่สู่เกษตรกรทั่วประเทศ และขยายผลแห่งความสำเร็จไปสู่กลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสู่ภาคการเกษตรมูลค่าสูงมากขึ้น”

องค์ความรู้ครบครัน สืบค้นผ่าน AI Chatbot

กรมวิชาการเกษตรก่อตั้งมาแล้วกว่า 52 ปี จึงมีองค์ความรู้ด้านวิชาการเกษตรครบครัน โดยนักวิจัย เช่น การปรับปรุงพันธุ์พืชแต่ละชนิด ซึ่งใช้เวลาวิจัย 5-10 ปีอย่างต่ำ

“ขณะนี้มีข้อมูลที่สมบูรณ์และครบถ้วน 2 พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ คือทุเรียนกับมันสำปะหลัง จะใช้พันธุ์อะไรที่เหมาะสมในการปลูก วิธีการใช้ปุ๋ยยา ปลูกและดูแลรักษาอย่างไรจนถึงการเก็บเกี่ยวและให้ผลผลิต ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน AI Chatbot ของกรมวิชาการเกษตร”

ศูนย์กลางการเกษตรและอาหารปลอดภัยในภูมิภาค

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวทิ้งท้ายถึงจุดแข็งของภาคการเกษตรประเทศไทย เนื่องจากไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติที่เอื้อต่อการเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืช เครื่องจักรกลการเกษตร มาตรฐานสินค้าเกษตร และอื่นๆ อีกมากมาย

“จากการสนับสนุนและส่งเสริมของภาครัฐผ่านนโยบายที่เอื้อต่อการเกษตร ดังเช่น “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ที่มุ่งเน้นพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูงและปลอดภัย มั่นใจว่า ด้วยศักยภาพเหล่านี้ ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารปลอดภัยในภูมิภาค”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image
© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.