ดุสิตธานี ทุ่ม 2 พันล้าน พลิกที่ดินประวัติศาสตร์ เปิด ‘ดุสิต อจารา หัวหิน’ แบรนด์เดดเรสซิเดนซ์สไตล์ไทยที่แรก
วันที่ 19 มีนาคม นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ยังคงมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนสูงของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ขยายตัวได้มากนัก ทำให้บริษัทต้องลงทุนด้วยความระมัดระวังตามจังหวะของกลุ่มธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันบริษัทใช้เงินลงทุนไปค่อนข้างมากสำหรับโครงการมิกซ์ยูสดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค ทำให้ต้องรอจังหวะการลงทุนโครงการใหม่ โดยปลายปีนี้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยอัลตร้าลักชัวรี่ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จะทำให้มีเงินลงทุนสำหรับในการลงทุนโครงการใหม่ คือ โครงการ ดุสิต อจารา หัวหิน มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะเปิดพรีเซลในเดือนเมษายนและเปิดตัวแกลอรี่ในเดือนกรกฎาคม และเริ่มการก่อสร้างได้ตั้งแต่กลางปี 2569 แล้วเสร็จในปี 2571
นางศุภจีกล่าวว่า สำหรับโครงการนี้จะเป็น Branded Residences สไตล์ The Only Thai Branded Residences โครงการแรก เป็นโครงการที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญของกลุ่มดุสิตธานี ทั้งด้านการบริหารโรงแรม และการบริการ เนื่องจากเราไม่ได้มาจากธุรกิจอสังหาฯ มาจากธุรกิจบริการ จึงต้องนำความสามารถและประสบการณ์มาพัฒนา รวมถึงต่อยอดความสำเร็จจากโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์คด้วย อีกทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการด้าน Well-being สร้างสุขภาพกายและใจ และเป็นสังคมที่ดีสำหรับคนทุกช่วงวัย ทุกเจเนอเรชัน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตในประเทศไทยและทั่วโลก ทั้งนี้โครงการBranded Residences ทำให้ดุสิตธานีอยู่คู่กับผู้ซื้อตลอดไปด้วยบริการและการดูแล
“เลือกลงทุนหัวหินเพราะเรามีโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ที่อยู่คู่หัวหินมากว่า 30 ปี ยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 4 ของประเทศ มีชายหาดที่ยาว สวยงาม จึงตัดสินใจนำที่ดินพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์ยังเหลือ 20 ไร่ใกล้กับโรงแรมมาพัฒนา เพราะเห็นโอกาสและเทรนด์ของตลาดในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ แต่เพราะอยากเก็บที่ดินไว้ จึงพัฒนาเป็นโครงการ Branded Residences เป็นการขายรูปแบบ Leasehold หรือการเช่าแบบระยะยาว 30+30 ปี ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม โดยเป้าหมายลูกค้าเป็นต่างชาติ 40% อีก 60% เป็นลูกค้าชาวไทย ซึ่งต่างชาติที่นิยมมาท่องเที่ยวหัวหิน ส่วนใหญ่เป็นชาวสแกนดิเนียเวีย ยุโรป และจีนบางส่วน สำหรับราคาขายนั้น ขณะนี้ยังไม่สรุป แต่น่าจะเกาะไปตามราคาตลาดซึ่งอยู่ที่ตารางเมตรละ 2-2.5 แสนบาท ราคาขายเริ่มต้นต่อยูนิตน่าจะไม่ถึง 20 ล้านบาท เราเชื่อมั่นว่า โครงการจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มโอกาสการเข้าพักระยะยาวของชาวต่างชาติ”นางศุภจีกล่าว
น.ส.ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิตเอสเตท จำกัด กล่าวเสริมว่า โครงการตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน มีขนาด 20 ไร่ วางแผนพัฒนาที่พักอาศัยเป็นแบบ Low Rise, Low Density ภายใต้คอนเซ็ปต์ Multi-generational Living ให้ทุกช่วงวัยในครอบครัวสามารถอยู่อาศัยด้วยกัน ประกอบไปด้วย 7 อาคาร แบ่งเป็นอาคาร 3ชั้น จำนวน 4 อาคาร และอาคาร 6 ชั้น จำนวน 3 อาคาร รวมทั้งสิ้น 96 ยูนิต โดยยูนิตจะมีขนาดตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 70 – 90 ตารางเมตร(ตร.ม.) แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 120-180 ตร.ม. แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 250 ตร.ม. และเพนท์เฮ้าส์ขนาด 300 ตร.ม. ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของแต่ละอาคาร และในทุกอาคารได้ออกแบบให้บริเวณยูนิตชั้น 1 มีพื้นที่สวนสีเขียวส่วนตัว ขนาด 25-35 ตร.ม.พร้อมพื้นที่จอดรถติดกับที่พักอาศัย
“ด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมได้ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด , PIA Interior และ P Landscape มาร่วมดีไซน์ จัดวางองค์ประกอบ เลย์เอาท์ของโครงการ ผ่านการดึงความงดงามสไตล์ Bridging Oasis สร้างที่อยู่อาศัยให้แนบชิดธรรมชาติ คำนึงถึงอารยสถาปัตย์ Universal Design รองรับผู้ใช้งานทุกเจเนอเรชันได้อย่างเท่าเทียมกัน ยังออกแบบเส้นทางเดินที่เชื่อมโยงอาคารและพื้นที่สีเขียว ยังมีการบริการแบบ Gracious Hospitality ระดับเวิลด์คลาส สามารถเรียกใช้บริการระดับโรงแรม 5 ดาว ได้จาก ดุสิต ฮอสพิตัลลิตี้ เซอร์วิสเซส 24 ชั่วโมง บริการแม่บ้านทำความสะอาดที่พักอาศัย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ และสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ Dusit Gold Platinum ที่ใช้บริการโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีที่ร่วมสิทธิ์ทั่วโลก”น.ส.ณัฐภาณุ์กล่าว