โทษก็แค่กักขัง ผลักดัน!!! ตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี สกัดจับรถต้องสงสัย พบเป็นรถขบวนการขนแรงงานเถื่อนข้ามชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 มีนาคม 2568 พ.ต.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ทล.6 กก.2บก.ทล.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ออกตรวจบนถนนสาย 3268 หมู่ 4 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ขณะออกลาดตระเวณตามเส้นทางพบว่า มีรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีดำ ทะเบียน กาญจนบุรี ขับขี่มาด้วยท่าทีมีพิรุธ และใช้ความเร็วสูง จึงเรียกให้หยุดเพื่อทำการตรวจสอบ
จากการตรวจสอบทราบชื่อคนขับชื่อนายเอ(นามสมมุติ)อายุ 24 ปีตรวจค้นภายในห้องโดยสารมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมานั่งซุกซ่อนมาจำนวน 6 คน ตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ ซึ่งคนทั้งหมดเป็นชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจึงควบคุมตัวคนทั้งหมดไปสอบสวนที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทราบว่า นายเอ เป็น 1 ในขบวนการ รับจ้างขนบุคคลต่างด้าวเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายเพื่อไปทำงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยจะได้รับค่าจ้างหัวละ 5,000 บาทต่อคน และทำมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง บุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาส่วนใหญ่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยผ่านตามช่องทางธรรมชาติบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ โดยจะเสียค่านายหน้าให้กับขบวนการขนคนต่างด้าวข้ามชาติ คนละตั้งแต่ 21,000 – 28,000 บาท เพื่อเดินทางไปยังปลายทางที่ จ.นครปฐม และ จ.ภูเก็ต
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อหานายเอ ในข้อหาช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม ส่วนผู้ต้องหาชาวเมียนมา 3 ราย ถูกแจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ทั้งนี้ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ติดตามที่เหลือจะได้ ผลักดันกลับประเทศต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุผลส่วนหนึ่งที่บุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาพยายามหลบหนีเข้ามาทำงานในประเทศไทยในแต่ละวันเป็นจำนวนมากนั้น เพราะคนพวกนี้ไม่กลัวกฎหมายไทย หากการแอบลักลอบเดินทางเข้ามาได้และหลบซ่อนตัวตามสถานประกอบการ โรงงาน สถานที่ก่อสร้าง ก็สามารถหลบซ่อนทำงานกับพี่น้องเพื่อนฝูงได้ เนื่องจากบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหากวันใดที่หลบหนีเข้ามาหากถูกจับก็ไม่ต้องกลัวเพราะกฎหมายไทยไม่มีการกักขังนานเกินกว่า 1 อาทิตย์ ระหว่างถูกจับอยู่ในห้องขังตามโรงพักก็มีข้าวกิน และถูกส่งตัวออกนอกประเทศ โดยจะติดต่อญาติพี่น้องที่เดินทางเข้ามาทำงานก่อนหน้านี้เพื่อขอยืมเงินว่าจ้างบรรดานายหน้าของขบวนการนำพาเข้ามาใหม่อีกครั้ง บุคคลต่างด้าวเหล่านี้จึงไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเหมือนในอดีต