พิทักษ์ อยู่สุข ว่าที่นายกเล็ก‘เมืองบางรักพัฒนา’ พร้อมทำงานทันที ยึดหลักป้องกันก่อนเกิดเหตุ

การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี วันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้สมัคร 3 ราย คือ นายพิทักษ์ อยู่สุข หรือกำนันแรม จากพรรคประชาชน เป็นอดีตกำนันตำบลบางรักพัฒนา, นายกิจก้อง นาคทั่ง อดีตนายกเทศมนตรีที่เพิ่งลาออกก่อนครบวาระ และ นายกฤตภาส ภาวนภิสุทธิ์ ผู้สมัครอิสระ ผลปรากฏว่า กำนันแรมคว้าชัยชนะด้วยคะแนน 9,352 คะแนน ล้มแชมป์เก่าไปอย่างขาดลอย ถือเป็นชัยชนะอีกครั้งของผู้สมัครจากพรรคประชาชน หลังคว้าเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ จ.ลำพูน เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ และเป็นแชมป์แรกในสนามเลือกตั้งเทศบาล ซึ่งพรรคประชาชนส่งผู้สมัครนายกเทศมนตรีลงแข่งขันหลายจังหวัด ทั้งระดับเทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบล

ว่าที่นายกเล็กคนใหม่เปิดเผยว่า เป็นคนตำบลบางรักพัฒนาโดยกำเนิด จบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนจันทร์ทองเอี่ยม, ชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบางบัวทอง ก่อนไปศึกษาต่อด้าน ปวส.ที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเพาะช่าง, ระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเกริก และปริญญาโทรัฐศาสตร์สื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก จากนั้นลงสนามการเมืองท้องถิ่น เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) บางรักพัฒนา ขณะที่พ่อ คือ นายดำรงค์ อยู่สุข เป็นกำนันตำบลบางรักพัฒนาเกษียณอายุ จึงตัดสินใจลาออกจาก ส.อบต.มาลงสมัครผู้ใหญ่บ้าน และกำนันในปี 2546 จากนั้นทำหน้าที่ผู้นำท้องที่ต่อเนื่องนานถึง 22 ปี

“ได้เห็นพื้นที่ตำบลบางรักพัฒนามาตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อก่อนพื้นที่ตำบลบางรักพัฒนายังเป็นชนบทก่อนเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เป็นสภาพชุมชนเมืองในปัจจุบัน การทำงานในชุมชนเมือง ได้เห็นปัญหาต่างๆ มีเรื่องความปลอดภัย ความเป็นอยู่สารทุกข์สุกดิบของลูกบ้าน เมื่อเป็นกำนันได้ตั้งชุดปฏิบัติการขึ้นเพื่อออกตรวจพื้นที่ มีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ออกปฏิบัติหน้าที่โดยใช้รถสายตรวจตรวจทั้งตำบลวันเว้น 2 วันอย่างต่อเนื่อง ใช้คำสั่งของนายอำเภอออกตรวจตู้ขาวที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ช่วงนั้นมีคดีอาชญากรรม ลักทรัพย์ ฉก ชิง วิ่งราวปล้นเยอะ เมื่อมีชุดปฏิบัติการชุดนี้เกิดขึ้นมาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เหตุอาชญากรรมลดลงมาก นี่คือส่วนหนึ่งที่ผมภาคภูมิใจในการดูแลพี่น้องประชาชน จากผลงานดังกล่าว ทำให้ได้รับคัดเลือกให้เป็นกำนันยอดเยี่ยม หรือกำนันแหนบทองของจังหวัดนนทบุรี ในปี 2566

ผมรู้จักพื้นที่ตำบลบางรักพัฒนาทุกตารางนิ้วเป็นอย่างดี เพราะเกิดที่นี่ อยู่ที่นี่ตลอด 56 ปีนานเท่าอายุ เดิมปู่ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านตำบลบางรักใหญ่ ตอนนั้นตำบลบางรักพัฒนายังเป็นตำบลเดียวกับบางรักใหญ่ เมื่อปู่เกษียณ พ่อผม คือ นายดำรงค์ ก็เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.บางรักใหญ่ เมื่อตำบลบางรักพัฒนาแยกตัวออกมาตั้งเป็นตำบลบางรักพัฒนา พ่อก็เป็นกำนันตำบลบางรักพัฒนาคนแรก และผมช่วยงานพ่อมาตั้งแต่อายุ 25 ปี ประมาณปี 2536 ได้รับเลือกเป็นแพทย์ประจำตำบล และเป็นสมาชิก อบต.บางรักพัฒนาโดยตำแหน่งในขณะนั้น ตอนนั้นสวมหมวก 2 ใบ ก่อนมาเป็นกำนันต่อจากพ่อ ช่วงเวลา 22 ปีที่เป็นกำนัน สนุกกับงานมาก แต่อำนาจของกำนันมีขอบเขตจำกัด เพราะไม่ได้ถืองบประมาณและไม่สามารถบริหารงานได้ ดูแลเรื่องสารทุกข์สุกดิบเพียงอย่างเดียว”

กำนันแรมกล่าวอีกว่า กระทั่งอดีตนายกเทศมนตรีเมืองบางรักพัฒนาลาออก และมีประกาศรับสมัครนายกเทศมนตรี จึงปรึกษาทีมงานคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้ว ที่ตนจะขยายบทบาทการทำหน้าที่เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน ประชาชนตำบลบางรักพัฒนาได้ จึงลาออกจากกำนันมาลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรี โดยสวมเสื้อพรรคประชาชนลงสมัคร เนื่องจากที่ผ่านมาติดตามและเป็นสมาชิกพรรคประชาชนมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน เพราะชื่นชอบการบริหารงานแบบคนรุ่นใหม่ รวมทั้งทำงานประสานงานในพื้นที่มาตลอดกับนายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.นนทบุรี เขต 8 พรรคประชาชน

“หาก กกต.ประกาศรับรองผล นโยบายเร่งด่วนที่จะเข้าไปทำมีหลายระดับ ระดับแรก ทำได้ทันที จะเปิดประตูสำนักงานเทศบาลให้ประชาชนใช้เป็นทางผ่านเข้าออกทะลุถนน 2 เส้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนงานที่ตกค้างอยู่ที่สามารถสั่งการได้ในแต่ละกอง จะเรียกผู้อำนวยการกองทุกกองเข้ามาเร่งดำเนินการให้เสร็จทันที และมีแผนออกฉีดพ่นกำจัดยุงลายทุกพื้นที่ เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก อีกเรื่องที่เร่งทำก่อน คือ รถฉุกเฉินต้องปฏิบัติหน้าที่ 24 ชั่วโมง จากเดิมให้บริการในเวลาราชการ 08.00-16.30 น. และรองรับเหตุฉุกเฉินเล็กๆ หรือการย้ายผู้ป่วยเท่านั้น ผมจะเข้าไปทำให้เต็มระบบ โดยผ่านการประเมินของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นนทบุรีด้วย มีพยาบาลประจำรถ 24 ชั่วโมงด้านการเก็บขยะใช้วิธีจ้างเอกชนจัดเก็บ เนื่องจากพนักงานเก็บขยะหายากมาก รวมทั้งจะเก็บขยะชิ้นใหญ่เช่นที่นอนเตียงโต๊ะที่รถขยะไม่สามารถจัดเก็บได้ จะทำทุก 4 เดือนหมุนเวียนไปทั้งตำบลทุกพื้นที่

ได้คุยกับปลัดเทศบาลแล้ว ช่วงเดือนพฤษภาคมมิถุนายน ฝนจะเริ่มมาแล้วต้องบูรณาการร่วมกันลอกท่อระบายน้ำทั้งหมด เพราะฝนตกลงมาน้ำท่วมขังมาก ใช้เวลานานกว่าจะระบายได้แห้ง เพราะตำบลบางรักพัฒนาเป็นพื้นที่ต่ำที่ล้อมรอบด้วยหลายพื้นที่ จะเรียกกองช่างทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องมาหารือ ประเมินและตรวจสอบพื้นที่ ท่อน้ำ เส้นทางน้ำ ทำอย่างไรจะสามารถระบายน้ำออกได้ทัน เช่น ประตูน้ำวัดบางแพรก ประตูน้ำโลตัสซอยจันทร์ทองเอี่ยม ต้องทำประตูน้ำใหม่เพื่อเร่งระบายน้ำผลักดันน้ำ ต้องสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ก่อนฝนตก พร่องน้ำไว้รองรับน้ำฝนที่จะตกลงมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง โดยยึดแนวทางต้องป้องกันก่อนเกิดเหตุ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน”

สำหรับนโยบายที่ต้องทำเป็นไปตามที่หาเสียงทุกนโยบาย อาทิ ถนนดีมีคุณภาพ จะเร่งทำให้เกิดประโยชน์ มีคุณภาพความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด, สูงวัยยั่งยืน ตำบลบางรักพัฒนามีผู้สูงวัยมาก ดังนั้นจะตั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย สร้างอาชีพ การพบปะเพื่อนฝูงเพื่อมีสุขภาพที่ดี นโยบายอนาคตของลูกหลานก็สำคัญ จะทำสนามกีฬาตามแนวทางของคนรุ่นใหม่ โดยเรียกมาคุยกันสอบถามความต้องการก่อนดำเนินการ

“เดิมตำบลบางรักพัฒนาสร้างหมู่บ้านจัดสรรขึ้นจำนวนมาก ก่อน พ.ร.บ.จัดสรรเกิดขึ้น หลายแห่งสร้างขึ้นก่อนกฎหมาย หลายแห่งไม่มีนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเข้าไปทำอะไรในพื้นที่ยาก ตอนนี้บางรักพัฒนากลายเป็นชุมชนเมืองแล้ว มีปัญหาประชากรแฝงเยอะมาก พื้นที่ 11 ตารางกิโลเมตร มีประชากรตามทะเบียนราษฎร์ 48,000 คน แต่มีประชากรแฝงอีกเป็นหมื่นคน แต่หลายคนสร้างประโยชน์ให้พื้นที่ เมื่อมีประชากรแฝง มีการใช้สาธารณูปโภคร่วมกันจึงเกิดปัญหาบ้าง ขณะที่เทศบาลมีงบประมาณเพียงพอ ในปีงบประมาณ 2568 มีงบกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งการดูแลประชาชนในพื้นที่ต้องจัดสรรงบให้ตรงตามจุด เพื่อการป้องกันปัญหา หรือเยียวยาประชาชน ได้อย่างทั่วถึง เสมอภาค และเท่าเทียมกัน”

กำนันแรมกล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ตอนนี้ กกต.ยังไม่รับรองให้เป็นนายกเทศมนตรี แต่สภาเทศบาลเมืองบางรักพัฒนาจะครบวาระ รวมทั้งมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ในวันที่ 11 พฤษภาคม และได้ส่งลูกทีมลงสมัคร ส.ท.ครบทั้ง 3 เขต 18 คน เพื่อเข้าสภามาทำงานร่วมกันด้วยความราบรื่นและรวดเร็ว