"สุดารัตน์" จี้ ป.ป.ช.ไต่สวนลงโทษ 2 ส.ส. อ้างพฤติกรรมขัด รธน. จริยธรรม ทำลายพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 68 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้เร่งรัดการไต่สวนและตรวจสอบพฤติกรรมของนางสุภาพร สลับศรี ส.ส.ยโสธร เขต 1 และ นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ ส.ส. อุดรธานี เขต 6 พรรคไทยสร้างไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 67 ว่า ส.ส. ทั้งสองคนมีพฤติกรรมละเลยหน้าที่ ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมของพรรค และไม่ปฏิบัติตามแนวทางของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงภายในพรรคและฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการกระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับของพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งขอบคุณป.ป.ช.ที่รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว แต่ที่มาวันนี้ก็เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานไต่สวนและลงโทษ นักการเมืองที่ไม่มีจิตสำนึกที่สุจริตต่อประชาชน ขาดจริยธรรม ส่อทุจริต โดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.ที่ได้มาจากการลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคไทยสร้างไทยแสวงหาประโยชน์อื่นใด ซึ่งในส่วนนี้หากพบว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนไปถึงพรรคการเมืองที่มีส่วนร่วม พรรคไทยสร้างไทย ก็จะดำเนินการให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นบรรทัดฐานของนักการเมืองไทย
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการจริยธรรมของพรรคตรวจสอบพบว่า พฤติกรรมของ สส.. ทั้งสองคนขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 รวมถึงละเมิดประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2563 และข้อบังคับของพรรคไทยสร้างไทย พ.ศ.2566 อย่างชัดเจน การกระทำของผู้ถูกร้องส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบพรรคการเมือง ต่อระบบรัฐสภา เพราะเป็นการทำลายเสถียรภาพของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เปิดช่องให้เกิดการซื้อเสียงทางอ้อม นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมือง และระบบประชาธิปไตยโดยรวม
"ไทยสร้างไทย จะขอเดินหน้าสร้างการเมืองสุจริต ทำลายนักการเมืองคอร์รัปชัน ซื้อเสียงเข้ามาคดโกง และสส.ที่ขายตัว แลกผลประโยชน์ส่วนตนให้สิ้นซาก เพื่อสร้างอนาคตให้การเมืองไทย” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว และว่า นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของพรรคไทยสร้างไทย แต่เป็นเรื่องของมาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมืองไทยทั้งหมด หากเราปล่อยให้มีพฤติกรรมแบบนี้โดยไม่ดำเนินการใดๆ เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้นักการเมือง สามารถละเมิดกฎหมายทำลายพรรค และทำลายระบบประชาธิปไตยได้อย่างเสรี.