‘นายกฯอิ๊งค์’ ลุยนครสวรรค์ ชม ตร.ทลายเครือข่ายยาเสพติด 7 คดีใหญ่ ยึดยาบ้ากว่า 20 ล้านเม็ด ชี้ไร้คนมีสีเอี่ยว เร่งเครื่องเอกซเรย์ทั่วประเทศ ลั่นปราบครบวงจร ยันไม่มีวนของกลาง พร้อมเทงบสร้างขวัญกำลังใจ จนท.ปฏิบัติงาน

เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 21 มีนาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะออกเดินทางจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ เขตพญาไท กรุงเทพฯ ไปยังสนามบินนครสวรรค์ ต.นครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยมี น.ส.ชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และ นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย ส.ส. นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย รอต้อนรับ

จากนั้น นายกฯเดินทางโดยรถยนต์ Lexus ทะเบียน 5ขส 45 กรุงเทพมหานคร ไปที่ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี เพื่อติดตามผลการปฏิบัติการปราบปรามและจับกุมยาเสพติดในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รายงานผลการจับกุมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และนำชมของกลางที่สามารถจับกุมได้ 7 คดีใหญ่

รวมของกลางทั้งหมดเป็นยาบ้า 20,080,000 เม็ด ไอซ์ 700 กิโลกรัม คีตามีน 199 กิโลกรัม จับกุมผู้ต้องหา 20 คน รถยนต์ 14 คัน โดยตำรวจได้มีการเทตัวอย่างยาบ้าให้นายกฯชม ซึ่งมีทั้งสีส้ม สีเขียว

จากนั้น น.ส.แพทองธารรับฟังแถลงผลการทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมดูวีดิทัศน์การจับกุมของแต่ละคดี ซึ่งนายกฯได้สอบถามว่าสามารถจับต้นตอได้หรือไม่ โดยตำรวจแจ้งว่าได้ออกหมายจับไปแล้ว

ต่อมานายกฯเดินดูรถของกลางที่ดัดแปลงเพื่อซุกซ่อนลำเลียงยาเสพติด ทั้งรถเก๋ง รถบรรทุก รถขนน้ำมัน ก่อนจะดูการเอกซเรย์รถเพื่อลดเวลาในการค้นพบยาเสพติด ไม่เสียเวลาในการเข้าจับกุม ลดการเสียหายของทรัพย์สินที่จับกุม จากนั้นดูวิธีการสาธิตการเอกซเรย์รถต้องสงสัย และดูสถานีควบคุมคอนโทรลการตรวจรถ ต้องสงสัยซุกซ่อนยาเสพติด พร้อมกับสอบถามว่า ลักษณะรูปแบบของแพคเกจสิ่งเสพติดมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือไม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าแม้จะมีการเปลี่ยนรูปแบบ แต่ด้วยความเชี่ยวชาญและชำนาญของเจ้าหน้าที่สามารถยืนยันว่าเป็นสิ่งเสพติด พร้อมสอบถามถึงความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเป็นห่วงระหว่างการจับกุมผู้ต้องสงสัย หรือคนร้ายอาจจะพกพาอาวุธมาตรงนี้ ได้มีการตรวจที่ตัวของผู้ต้องหาด้วยใช่หรือไม่

ต่อมานายกฯแถลงผลปฏิบัติการจับกุมยาเสพติดครั้งนี้ว่า วันนี้มาที่ จ.นครสวรรค์ ดูเรื่องการจับยาเสพติด ทั้งยาบ้า ยาไอซ์ และยาเค อย่างที่เห็นว่ายาบ้าจับได้ทั้งหมด 20 ล้านเม็ด ทั้งหมดมี 7 คดี ยาไอซ์ 700 กิโลกรัม เริ่มจับอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว จนถึงวันที่ 1 มีนาคมปีนี้ ถือเป็นส่วนที่จับได้ ซึ่งจริงๆ แล้วที่ยังไม่เรียบร้อย ตำรวจได้มีการจับเพิ่มได้อีกด้วย และจะมีรายงานเคสต่อเคสเป็นระยะ

นายกฯกล่าวว่า วันนี้ต้องชื่นชม ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่าน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน หากไม่ได้รับความร่วมมืออย่างบูรณาการคงจะจับเคสใหญ่ๆ แบบนี้ไม่ได้ วันนี้จับได้ทั้งรายเล็ก รายย่อย คนส่ง สาวไปถึงตัวการได้ อันไหนที่อยู่ต่างประเทศเราก็ขอความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย เป็นสิ่งที่ทำจนจบครบ

“ตอนนี้เห็นได้ว่าจากการรายงานรถที่ส่งยาเสพติดค่าจ้างเริ่มแพงขึ้น แปลว่าอะไร แปลว่าเจ้าหน้าที่ของเราทำงานได้อย่างเข้มข้นมากขึ้น การขนส่งยาเสพติดเป็นไปได้ยากขึ้น ฉะนั้น ค่าจ้างสูงขึ้น ขณะที่ราคายาบ้าเมื่อก่อนถูกมาก ราคาแพงขึ้น หาได้ยากขึ้น ต้องขอบคุณและชื่นชมจากใจจริง

นโยบายที่รัฐบาลออกมากวาดล้างยาเสพติดคงไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อรัฐบาลให้ความมั่นใจว่าจะปราบปรามอย่างจริงจัง เจ้าหน้าที่ก็มีกำลังใจ ซึ่งเราคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ด้วย และต้องเห็นใจคนทำงานหน้างานด้วย จึงต้องมีมาตรการดูแล เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานแล้วเข้าเนื้อตัวเอง เมื่อร่วมมือกันแบบนี้จึงเห็นผลในวันนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนที่มีเบาะแส สามารถที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ประเทศของเราก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขึ้น” นายกฯกล่าว

นายกฯกล่าวอีกว่า จากนี้จะขอความร่วมมือจากกระทรวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบำบัดให้ผู้เสพกลับคืนสู่สังคม ตนพูดเสมอว่าคนติดยาอย่าไปมองว่าเขาเป็นคนไม่ดี เพราะบางครั้งอาจผิดพลาด เพราะมีปัญหาในชีวิต ดังนั้น ต้องช่วยกันในการบำบัดให้กลับเข้าสู่สังคม อันนี้คือสิ่งสำคัญ รัฐบาลจะทำเรื่องการฝึกอาชีพ ซึ่งเริ่มแล้ว โดยศูนย์บำบัด เป้าหมายอยากให้ประชาชนมีอาชีพ ต่อไปจะได้ไม่หันกลับเข้าไปยาเสพติดอีก และไม่ส่งผลให้คนเสพยาเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ครบวงจรและเข้มข้นขึ้นในทุกภาคส่วน

ผู้สื่อข่าวถามถึงเครื่องเอกซเรย์ยาเสพติดที่มีไม่เพียงพอ นายกฯกล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่มีไม่เพียงพอ โดยมีงบประมาณตั้งแต่รัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่จะต้องให้มีเครื่องเอกซเรย์ยาเสพติดมากขึ้น เพื่อจะได้ครบทั้งหมดทั่วประเทศในเดือนกันยายนปีนี้ แต่ว่าที่มีการพูดคุยในกระบวนการ ตนอยากขอให้เร่งว่าถ้าเครื่องไหนเสร็จก่อนก็ขอให้เริ่มนำมาใช้งานได้เลย จากที่ตนได้เข้าไปดูการตรวจเครื่องมาพบว่าไม่พลาด พอเห็นการเอกซเรย์สามารถจับได้เลย โดยการมีผู้วิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญ ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก

เมื่อถามถึงการขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์ นายกฯกล่าวว่า เรื่องยึดทรัพย์เราเต็มที่อยู่แล้ว ส่วนของกลางที่ยึดมามีการกำหนดวันการทำลาย โดยยืนยันว่ามีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งเรื่องยาเสพติดนั้นคนที่เข้ามาต้องตระหนักรู้ว่าทำลายประเทศชาติอย่างมาก ฉะนั้น การยึดทรัพย์เป็นเรื่องที่สามารถทำได้เลย

เมื่อถามย้ำว่า ประชาชนจะสามารถมั่นใจได้อย่างไรว่ายาเสพติดที่จับกุมจะไม่มีการนำมาวนในกระบวนการอีก นายกฯกล่าวยืนยันว่า “ไม่มีค่ะ การวนต่อไม่มี ได้คุยและได้เห็นเองแล้ว ตั้งแต่มีการสั่งการไปทางเจ้าหน้าที่ทุกคนก็กลัวว่าของกลางจะหาย โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้า มีตัวเลขและจำนวนที่ชัดเจน เพื่อรอการทำลาย โดยมีหลายทีมรับผิดชอบ ฉะนั้น อยากให้ประชาชนไว้ใจได้และสบายใจเรื่องนี้ได้ ยาเสพติดที่ถูกจับแล้ว ณ ตอนนี้ และตั้งแต่ที่ดิฉันสั่งการไปไม่มีการวนกลับไปในระบบอย่างแน่นอน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า 7 คดีที่แถลงข่าววันนี้จะสามารถสาวถึงตัวการใหญ่ได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า สาวได้แน่ ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันมา และบางกรณีที่อยู่ในต่างประเทศ ได้ออกหมายจับไปแล้ว มีทั้งระดับผู้สั่งการ รายใหญ่ รายเล็ก และเจ้าของการผลิต ยืนยันว่าใน 7 คดีนี้ยังไม่มีคนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้อง ได้คุยกับเจ้าหน้าที่แล้วถ้าหากคนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้องให้ดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ทำดีมากกว่าอยู่แล้ว เขาก็อยากพิสูจน์ตัวเองว่าทำตรงนี้ประชาชนไว้ใจได้ ขอให้ประชาชนเข้าใจตรงนี้

เมื่อถามถึงการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายกฯกล่าวว่า เป็นสิ่งที่คิดตลอด และหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าเจ้าหน้าที่จะได้อะไรบ้างจากการจับกุม เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานเสี่ยงชีวิต และไม่รู้ว่าคนที่ขนยาเสพติดมีอาวุธหรือไม่ เจ้าหน้าที่ควรได้รับค่าตอบแทนเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ และทุกภาคส่วน

ส่วนคนที่ถูกออกหมายจับหนีไปต่างประเทศ ในระดับรัฐบาลจะทำอย่างไรได้บ้าง นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลพร้อมช่วยคุยหากได้รับการประสานมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกประเทศที่นายกฯไปเจอสามารถขอความช่วยเหลือได้อยู่แล้ว ทั้งเรื่องน้ำท่วมและคอลเซ็นเตอร์ เรื่องนี้ก็เช่นกัน การส่งคนร้าย หรือช่วยกันจับเป็นไปได้แน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่คุยกันในทุกระดับ