ย้อนรอยที่มา “ปลาหมอคางดำ” ฤาจะมาจากลักลอบ
GH News March 22, 2025 12:09 AM

18 ปีก่อน ชาวบ้านใน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พบปลาชนิดหนึ่งที่ไม่รู้จักชื่อ จับได้ครั้งละ 20-30 กิโลกรัม เอามากิน มาแจกเพื่อนๆ ช่วยประทังชีวิตคนงานอย่างพวกเขามาได้ยาวนานหลายปี รสชาติก็ใช้ได้ ไม่ต่างจากปลานิลทั่วไป ทำให้เขาจดจำปลาชนิดนี้ได้มาจนถึงวันนี้ วันที่มันเพิ่งได้ชื่อเรียกว่า “ปลาหมอคางดำ” จึงยืนยันได้ว่าปลาชนิดนี้มีอยู่ในเมืองไทยตั้งแต่ก่อนปี 2554 ที่มีเอกชนรายหนึ่งต้องกลายเป็นจำเลยสังคม เพียงเพราะทำการขออนุญาตนำเข้าปลาชนิดนี้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อปรับปรุงพันธุ์ปลานิล หวังต่อยอดให้ผลผลิตปลานิลของเกษตรกรไทยมีความแข็งแรงมากขึ้น  

ภายใต้ระบบของฟาร์มทดลองที่ต้องควบคุมปัจจัยแวดล้อมรอบด้านไม่ให้กระทบกับงานวิจัย ถ้ามีสัตว์น้ำชนิดอื่นหลุดเข้าไปในระบบ ก็จะเกิดการปนเปื้อนทางพันธุกรรม เป็นความเสี่ยงต่องานวิจัยและมีผลให้งานล้มเหลว ในทางกลับกันเมื่อระบบมีความปลอดภัยสูง ย่อมไม่มีสัตว์น้ำในระบบหลุดออกไปภายนอกได้เช่นกัน วันนี้ลองมาดูที่มาที่ไปของปลาหมอคางดำในเมืองไทยกันอีกที 

22 ธันวาคม 2553 ลูกปลาหมอคางดำ (ชื่อสามัญ Blackchin tilapia ชื่อวิทยาศาสตร์ Sarotherodon melanotheron) ขนาด 1 กรัม เท่าใบมะขาม จำนวน 2,000 ตัว ถูกขนส่งโดยเครื่องบิน จากประเทศกานามาถึงประเทศไทย ลูกปลาเสียหายไปถึง 1,400 ตัว เหลือเพียง 600 ในสภาพไม่แข็งแรง โดยได้นำลูกปลาไปยังฟาร์มวิจัย และนำลูกปลาที่ยังมีชีวิตปล่อยลงในบ่อซิเมนต์ขนาดความจุน้ำ 8 ตันในระบบปิด กระบวนการนี้เป็นช่วงเวลาของการกักกันโรค (Quarantine) ตามมาตรฐานความปลอดภัยทางชีวภาพ แต่ปลาก็ทยอยตายลงทุกวัน กระทั่งในที่สุด  6 มกราคม 2554 บริษัทได้ยุติโครงการทั้งหมด ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มวิจัย เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างปลาไม่เพียงพอ กล่าวคือปลาล็อตนี้มีชีวิตในเมืองไทยเพียง 16 วัน จากนั้นเข้าสู่กระบวนการทำลายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และดำเนินการตามข้อกำหนดของคณะกรรมการด้านความหลากหลายและความปลอดภัยทางชีวภาพของกรมประมง และเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกปลาจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าประเทศไทยยังคงมีปัญหา การลักลอบนำเข้าสัตว์ต่างถิ่นโดยไม่ขออนุญาตมาโดยตลอด เป็นที่มาให้ได้เห็น ปลาปิรันย่า ปลาหมอบัตเตอร์ ปลาหมอมายัน หอยเชอรี่ หรือแม้แต่ปลาหางนกยูง ปลาซักเกอร์ ที่มีอยู่เต็มเมือง จึงเป็นไปได้ว่า ปลาหมอคางดำ ก็เป็นหนึ่งในสัตว์ลักลอบนำเข้าได้เช่นกัน  

ปี 2560 เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ใน จ.สมุทรสงคราม ร้องเรียน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ว่าพบการระบาดของปลาหมอคางดำ เป็นที่มาให้ กสม.เขาตรวจสอบฟาร์ม ซึ่งได้รับการอธิบายจากนักวิจัยถึงวิธีทำลายปลาทั้งหมด และยืนยันว่าไม่ใช่สาเหตุของการแพร่ระบาดดังกล่าว

ปี 2567 เป็นปีที่ชาวบ้านหลายพื้นที่รายงานการพบปลาชนิดนี้มากขึ้น เป็นที่มาของการที่สภาทนายความฯ รวบรวมรายชื่อเกษตรกรเพื่อดำเนินคดีกับรัฐและเอกชน กรณีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 พร้อมขออนุญาตศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอดำเนินคดี แบบกลุ่ม ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตเมื่อ 4 มีนาคม 2568 

ช่วงกรกฎาคม 2567 พบข้อมูลการส่งออกปลาชนิดนี้ไปยัง 17 ประเทศ ตลอด 4 ปี (2556-2559) ด้วยจำนวนถึงกว่า 3 แสนตัว แม้จะมีคำอธิบาย เช่น พิมพ์ผิดบ้าง เป็นปลาชนิดอื่นบ้าง หรือแม้แต่เจตนาระบุให้เป็นปลาชนิดนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงหลักฐานด้านสุขภาพสัตว์ ก็ล้วนตอกย้ำปัญหาการลักลอบนำเข้าให้ชัดเจนมากขึ้น 

ภาครัฐโดยกรมประมงมิได้นิ่งนอนใจ ออกมาตรการกำจัดปลาหมอคางดำหลายมาตรการ อาทิ การลงแขกลงคลองจับปลา การปล่อยปลาผู้ล่า หรือการอนุญาตให้ใช้เครื่องมือจับปลาบางประเภท มุ่งเป้าแก้ไขปัญหาใน 19 จังหวัดที่พบ จนสามารถกำจัดปริมาณปลาไปได้ระดับหนึ่ง พื้นที่ระบาดลดลงจาก 19 จังหวัดเหลือ 16 จังหวัด โดย 3 จังหวัดที่ไม่พบการระบาดแล้ว ได้แก่ พัทลุง ปราจีนบุรีและชลบุรี  แต่เมื่องบประมาณหมดลงก็เหมือนทิ้งช่วงให้ปลาเพิ่มจำนวนขึ้นเช่นกัน ชาวบ้านจึงรายงานยังพบปลาชนิดนี้ในหลายพื้นที่

ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้วุฒิสภา ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในการสอบหาข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ โดยเรียกทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าชี้แจง รวมถึงมีการหาหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ เช่น DNA เพื่อหาแหล่งที่มาของปลาด้วย  

กันยายน 2567  ผลตรวจดีเอ็นเอ “ปลาหมอคางดำ" ที่ระบาดในไทยออกมาว่า มีต้นกำเนิดมาจาก 2 ประเทศคือ กาน่า และ โกตดิวัวร์ สะท้อนว่าปลามีแหล่งที่มาหลายแหล่งและมีการนำเข้าหลายครั้ง สวนทางกับการนำเข้าอย่างถูกต้องของเอกชนรายดังกล่าวเพียงครั้งเดียว  

ล่าสุด 18 มีนาคม 2568  เกษตรกรยกระดับการชุมนุมเรียกร้องความช่วยเหลือจากรัฐ 4 ข้อ โดยมีการนำปลาหมอคางดำ 2 ตันมาเทที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรจากปลาดังกล่าว 

จนถึงขณะนี้ เรื่องราวของปลาหมอคางดำอยู่ในกระบวนการของศาลหลายคดี ได้แก่ คดีปกครองและคดีแพ่ง ที่สภาทนายความฯ และตัวแทนชาวบ้านจาก จ.สมุทรสงคราม ยื่นฟ้องหน่วยงานภาครัฐและเอกชน  ขณะที่อีกฟากหนึ่ง เอกชนก็พบการใช้ข้อมูลเท็จและภาพเท็จ สร้างความเข้าใจผิดเป็นที่มาของการฟ้องหมิ่นประมาทผู้ใช้ข้อมูลเท็จดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดนี้จะขับเคลื่อนไปตามกระบวนการทางกฎหมายที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในที่สุด

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.