ท่าอากาศยานฮาหมัด เปิดตัวอาคาร D และ E พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 65 ล้านคนต่อปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด (DOH) ในฐานะผู้ครองตำแหน่งสนามบินและแหล่งชอปปิ้งที่ดีที่สุดในโลกจาก Skytrax 2024 ได้เปิดตัวอาคารผู้โดยสาร D และ E อย่างเป็นทางการ ตอกย้ำการเติบโตที่มาพร้อมประสิทธิภาพในการรองรับผู้โดยสารมากกว่า 65 ล้านคนต่อปี

สำหรับแผนพัฒนาในครั้งนี้เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารและตอกย้ำบทบาทของโดฮาในฐานะศูนย์กลางการบินระดับโลก โครงการต่อเติมอาคารผู้โดยสาร D และ E ของท่าอากาศยานได้เริ่มต้นในปี 2018 ปัจจุบันได้เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญของแผนพัฒนาครั้งใหญ่ซึ่งอยู่ในช่วงเฟสสุดท้ายของแผนปี 2022 ที่มาพร้อมกับ สวนป่าเมืองร้อน ORCHARDในพื้นที่ร่ม 6,000 ตารางเมตร

อาคารผู้โดยสารใหม่เชื่อมต่อกับอาคารเดิมอย่างไร้ที่ติ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น พื้นที่ของอาคารผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 842,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็น 14% ของพื้นที่

นอกจากนี้ ได้มีการเพิ่มจำนวนประตูทางออกขึ้นเครื่องโดยตรงอีก 17 จุด รวมเป็น 62 จุดจากเดิม ซึ่งเพิ่มมากขึ้นถึง 40% ด้วยกัน การพัฒนาเหล่านี้ทำให้เกิดการเชื่อมต่อและการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถลดความจำเป็นในการใช้รถรับส่งผู้โดยสารระหว่างประตูทางออกและเครื่องบิน

นายบัดร์ โมฮัมเหม็ด อัล-มีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท กาตาร์ แอร์เวย์ส กล่าวว่า ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัดไม่ได้เป็นแค่ประตูสู่การเดินทาง แต่ยังเป็นเสาหลักสำคัญในการเติบโตของกาตาร์และการเชื่อมต่อระดับโลก ผมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นโครงการพัฒนาสนามบินที่อาคารผู้โดยสารใหม่ทั้งสองแห่งได้เปิดให้บริการแล้ว ซึ่งตัวผมเองได้มีส่วนร่วมในโครงการมาตั้งแต่ปี 2018

ในขณะที่แผนพัฒนาสนามบินหลายแห่งทั่วโลกได้เกิดความล่าช้า ซึ่งถือว่าเป็นความภูมิใจที่สามารถดำเนินโครงการสำคัญนี้ได้เสร็จก่อนกำหนด ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราต่อความเป็นเลิศในการดำเนินงานและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การขยายสนามบินครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างเครือข่ายของ กาตาร์ แอร์เวย์ส ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของกาตาร์ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์แห่งชาติในปี 2030

นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมการเดินทางทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพกาตาร์ในฐานะศูนย์กลางการบินชั้นนำของโลก

ด้าน นายฮาหมัด อาลี อัล คอเธอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เผยว่า เป้าหมายของเราคือการมอบความเป็นเลิศในการดำเนินงาน เพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและรองรับการเติบโตในอนาคต การเปิดอาคารผู้โดยสาร D และ E ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายขีดความสามารถของสนามบินและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

โครงการนี้ช่วยให้การเดินทางผู้โดยสารราบรื่น เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารทรัพยากร และเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสายการบิน เพื่อให้การเดินทางของผู้โดยสารเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อาคารผู้โดยสาร D และ E พร้อมเปิดให้บริการด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสุดครบครัน ดังนี้

อาคารผู้โดยสารใหม่ติดตั้งระบบขึ้นเครื่องอัตโนมัติอัจฉริยะ ช่วยให้กระบวนการขึ้นเครื่องรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยตรวจสอบเอกสารได้อย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลารอคอย และเชื่อมต่อการถ่ายโอนจากอาคารผู้โดยสารไปยังเครื่องบินได้อย่างราบรื่น

การขยายอาคารผู้โดยสาร D และ E ของท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด ช่วยเสริมสร้างการเชื่อมต่อสำหรับทั้งผู้โดยสารและสายการบินอย่างมาก ด้วยการเพิ่มความจุของประตูทางออกขึ้นเครื่องและการปรับปรุงการจัดการเที่ยวบิน ท่าอากาศยานสามารถรองรับสายการบินระหว่างประเทศได้มากขึ้นและเสนอเที่ยวบินตรงไปยังจุดหมายปลายทางหลักทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น

การขยายท่าอากาศยานในครั้งนี้ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและการเข้าถึงของผู้โดยสาร โดยมีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย ทั้งร้านค้าระดับพรีเมียมและแบรนด์ร้านอาหารระดับโลกจำนวนมากเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การพักผ่อน พร้อมที่นั่งที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์

โดยกาตาร์ ดิวตี้ ฟรี ได้เปิดตัวร้านค้าใหม่กว่า 10 แห่ง รวมร้านอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อรองรับการขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสารทั้ง D และ E ทำให้โซนร้านค้าปลีกของสนามบินเพิ่มขึ้นอีก 2,700 ตารางเมตร โครงการนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัดในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม และการเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกสำหรับการชอปปิ้ง การรับประทานอาหาร และการมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำ

ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัดยังคงเป็นผู้นำในด้านการบินที่ยั่งยืน โดยอาคารผู้โดยสาร D และ E ได้รับการออกแบบตามมาตรฐาน GSAS 4-Star Design & Build และตั้งเป้าหมายที่จะได้รับการรับรองจาก LEED Gold การพัฒนานี้ได้ครอบคลุมทั้ง ระบบประหยัดพลังงาน, วิธีการจัดการน้ำที่ล้ำสมัย, และแผนการควบคุมอุณหภูมิที่ทำให้ผู้อาศัยอยู่ได้สบายที่สุด ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืนระดับโลกของท่าอากาศยาน

การเข้าถึงได้ง่ายถือเป็นเรื่องสำคัญ ภายใต้การออกแบบที่เป็นสากลทำให้ทุกคนสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่น เช่น ระบบห่วงเสียงสำหรับผู้มีปัญหาทางการได้ยิน ทางเดินปลอดสิ่งกีดขวาง พื้นที่นั่งที่กว้างขวาง และบริการช่วยเหลือเฉพาะทาง ซึ่งเน้นย้ำความมุ่งมั่นของท่าอากาศยานในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ตอบโจทย์ผู้โดยสาร

การเปิดตัวอาคาร D และ E เป็นการปิดท้ายแผนขยายการต่อยอดครั้งสำคัญของท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด ซึ่งได้มีการพัฒนาในหลายด้าน หัวใจหลักชองการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้คือสวนป่าเขียวเมืองร้อน ORCHARD ในพื้นที่ร่ม ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและเต็มไปด้วยความงามของธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม อาคารผู้โดยสารกลางได้ทำการขยายเพื่อให้ผู้โดยสารเดินทางอย่างราบรื่นและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน นอกจากนี้ โซนร้านค้าและร้านอาหารยังมีแบรนด์หรูระดับโลกพร้อมอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกอีกมากมาย